Talk of The Town

ตลท.เผย บจ. mai รายงาน 9 เดือนปีนี้ มียอดขายรวม 145,338 ลบ. กำไรสุทธิรวม 5,479 ลบ.


27 พฤศจิกายน 2566
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวดสะสม 9 เดือนปี 2566 มียอดขายรวม 145,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานรวม 9,282 ล้านบาท ลดลง 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 

ตลท.เผย บจ. mai รายงาน 9 เดือนปีนี้.jpg

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 204 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 212 บริษัท (มี 3 บจ. ที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และ 4 บจ.ที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดย 9 เดือน ปี 2566 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 140 บริษัท คิดเป็น 69% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2566 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 145,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% มีต้นทุนขายลดลง 0.3% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นจาก 24.8% เป็น 25.9% อย่างไรก็ดี บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 13.4% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 12.9% อยู่ที่ 9,282 ล้านบาท โดย บจ. มีกำไรสุทธิรวม 5,479 ล้านบาท ลดลง 35.0%

ด้านผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 บจ. มียอดขายรวม 49,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% ต้นทุนขาย 36,625 ลดลง 0.1% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 25.3% เป็น 25.9% อย่างไรก็ดี การที่ บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้นถึง 10.8% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 15.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

 “9 เดือนปี 2566 แม้สถานการณ์โควิดจะคลี่คลาย แต่ด้วยปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายโดยรวมในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิโดยรวมของ บจ. ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโตทั้งยอดขาย และกำไรจากการดำเนินงาน ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง” นายประพันธ์กล่าว

ด้านฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 332,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.0% จากสิ้นปี 2565 และโครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.77 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2565 ที่เท่ากับ 0.80 เท่า

ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 212 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 405.60 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 419,268 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,305 ล้านบาทต่อวัน