เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 29-11-23
29-11-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ไม่ต้องรอนานอีกแล้ว SCGD หรือ บมจ.อสซีจี เดคคอร์ ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน ที่กำลังรุกขยายการลงทุนและขยายตลาดในระดับภูมิภาค พร้อมแล้ว!!! จะเปิดจองซื้อหุ้น IPO แล้ว ในส่วนของผู้ถือหุ้นของ SCC และ COTTO ที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้น IPO ของ SCGD จะเริ่มจองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.-6 ธ.ค.นี้ ที่ราคา 11.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย IPO สุดท้ายที่ 11.20 – 11.50 บาทต่อหุ้น ส่วนนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน จะจองซื้อวันที่ 8 และ 12 – 13 ธ.ค.นี้ ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายซึ่งจะรู้ประมาณวันที่ 6 ธ.ค.
***SCGD มี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและอันเดอร์ไรท์ สำหรับผู้ถือหุ้น COTTO มีเวลาใช้สิทธิตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นจาก SCGD ด้วยวิธีแลกหุ้น ได้ถึงวันที่ 6 ธ.ค.ค.นี้ ที่ราคาหุ้นละ 2.40 บาท โดยจะชำระค่าตอบแทนเป็นหุ้น IPO ของ SCGD เท่านั้น ที่ช่วงราคาเสนอขาย IPO สุดท้าย คิดเป็นช่วงอัตราแลกหุ้น COTTO สุดท้าย ที่จำนวน 4.6667 – 4.7917 หุ้น COTTO ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SCGD (หากมีเศษหุ้นจะปัดทิ้งทั้งหมด) ทั้งนี้ อัตราแลกหุ้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับราคาเสนอขายสุดท้าย
***ส่วน บมจ.มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MGI หุ้นน้องใหม่ เจ้าของเวทีประกวดนางงามก้องโลก “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ “มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ก้อตามมาติดๆ เตรียมระดมทุนในตลาด mai จำนวน 60 ล้านหุ้น นำทีมโดย “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ควงแขนที่ปรึกษาทางการเงิน “คุณวรชาติ ทวยเจริญ” ร่วมนำเสนอข้อมูลธุรกิจ ชูจุดแข็ง และโอกาสการเติบโตของ MGI ผู้อยู่เบื้องหลังความงามอย่างมีคุณค่า ในวันพุธที่ 29 พ.ย.นี้ เวลา 13.30 – 15.00 น. ในรูปแบบออนไลน์ นักลงทุนที่สนใจสามารถรับชมผ่าน Facebook : https://www.facebook.com/irplus และ https://www.facebook.com/missgrandthailand
***มีหุ้นเล็กตัวนึงที่เจ๊จิ๋มเฝ้าจับตามาซักระยะแล้ว..น่าสนใจ! W ไง..จะใครล่ะ!!! ตอนนี้อยู่ในช่วงเตรียมเพิ่มทุนแบบ ROไม่เกิน 197.02 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 5 : 1 ราคาหุ้นละ 1 บาท กำหนดรายชื่อผู้ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นในวันที่ 29 พ.ย.66 กำหนดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15 -21 ธ.ค.นี้ ส่วนหุ้นเพิ่มทุนอีก 197 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการแปลงสภาพ W-6 ที่จะแจกให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนฟรี! ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์
***ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง "ภูริชญ์ วงศ์ขำ" กระซิบกับเจ๊ว่าตอนนี้นี้ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆของบริษัทฯได้ยืนยันการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน RO แน่นอน รวมถึงการแสดงความจำนงที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิอีกด้วย เพราะมองว่าเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมฐานะทางการเงินให้มีความแข็งแกร่ง สร้างโอกาสการเติบโตในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จากแผนการขยายสาขาร้านอาหาร และบุกตลาด Food & Beverage เพื่อสร้าง New S-Curve ซึ่งจะทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานกลับมาเทิร์นอะราวด์ในปี 2567
***วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนของ W ครั้งนี้ จะนำไปชำระหนี้ราว 115 - 197 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต เช่น ขยายสาขา ปรับปรุงร้าน ประมาณ 50 - 100 ล้านบาท รวมถึงส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้ และขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบัน และหรือธุรกิจมีศักยภาพ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยมีระยะเวลาในการใช้เงินภายใน 2566-2567
***ส่วนทางนี้ก้อขะ-ย๊านนนนน-ขะหยัน "พี่ตุ๋ย" บิ๊กบอส LEO ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เสริมแกร่งธุรกิจบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทุ่มงบกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนใน LogiCam - LEO ลุยพัฒนาธุรกิจการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร (Integrated Logistics Services) ระหว่างประเทศไทย - กัมพูชา ต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าแบบครบวงจร
***พร้อมกันนี้ LEO จะเข้าซื้อหุ้น “อาราเม็กซ์ (ประเทศไทย)” เพิ่มอีก 10% ต่อจากบริษัท ทรานสปีด เอเชีย จำกัด (Transpeed Asia) ส่งผลให้ LEO ถือหุ้นเพิ่มเป็น 36% รองรับแผนการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจการให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศกับบริษัท ARAMEX ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 5 ของโลกในด้าน Courier & Express Service และมีจุดแข็งในการให้บริการไปยังประเทศในกลุ่ม Middle East และ South Asia ที่กำลังเป็นตลาดที่มีการเติบโตและบริษัทฯ มีการวางแผนในการขยายตลาดในกลุ่มประเทศนี้อย่างเข้มข้น
***"พิทักษ์ รัชกิจประการ" นานๆ ออกงานที..แต่เด็ดดวงทุกครั้ง! ประกาศความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ยินดังๆ ได้ฟังชัดๆ ปี 2566 มั่นใจยอดขายน้ำมันของ PTG จะเติบโตตามเป้าหมายที่ระดับ 10-15% หรือสูงกว่าตลาดโดยรวมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1% รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย รวมถึงการประกาศใช้นโยบายฟรีวีซ่าของภาครัฐ
อีกทั้ง บริษัทฯ ได้มีการขยายจำนวนและปรับปรุงสถานีบริการเข้าในพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีการเข้าใช้บริการซ้ำของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งยังคงวางเป้าการขยายสถานีบริการไว้เท่าเดิมคือ จำนวน 2,206 สถานีบริการในปี 2566
***ส่วนธุรกิจ Non-Oil ปีนี้ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว โดยวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ Non-Oil ไว้ที่ 50-60% ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง ขณะที่สัดส่วนกำไรขั้นต้นยังคงเดิมที่ระดับ 20-30%
***ช๊อทคัทมาโฟกัสที่ไตรมาส 4/66 อย่างเดียว บิ๊กบอส PTG มั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจน้ำมัน และเป็นฤดูกาลของการเดินทางท่องเที่ยวและเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้มีปริมาณความต้องการใช้กลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้มีปริมาณขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับค่าการตลาดน้ำมันที่มีการฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร จึงมั่นใจว่ายอดขายน้ำมันปีนี้จะเติบโต 10-15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ดันมาร์เก็ตแชร์ทะลุ 20% จากไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 19.2%
29-11-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ไม่ต้องรอนานอีกแล้ว SCGD หรือ บมจ.อสซีจี เดคคอร์ ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน ที่กำลังรุกขยายการลงทุนและขยายตลาดในระดับภูมิภาค พร้อมแล้ว!!! จะเปิดจองซื้อหุ้น IPO แล้ว ในส่วนของผู้ถือหุ้นของ SCC และ COTTO ที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้น IPO ของ SCGD จะเริ่มจองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.-6 ธ.ค.นี้ ที่ราคา 11.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย IPO สุดท้ายที่ 11.20 – 11.50 บาทต่อหุ้น ส่วนนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน จะจองซื้อวันที่ 8 และ 12 – 13 ธ.ค.นี้ ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายซึ่งจะรู้ประมาณวันที่ 6 ธ.ค.
***SCGD มี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและอันเดอร์ไรท์ สำหรับผู้ถือหุ้น COTTO มีเวลาใช้สิทธิตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นจาก SCGD ด้วยวิธีแลกหุ้น ได้ถึงวันที่ 6 ธ.ค.ค.นี้ ที่ราคาหุ้นละ 2.40 บาท โดยจะชำระค่าตอบแทนเป็นหุ้น IPO ของ SCGD เท่านั้น ที่ช่วงราคาเสนอขาย IPO สุดท้าย คิดเป็นช่วงอัตราแลกหุ้น COTTO สุดท้าย ที่จำนวน 4.6667 – 4.7917 หุ้น COTTO ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SCGD (หากมีเศษหุ้นจะปัดทิ้งทั้งหมด) ทั้งนี้ อัตราแลกหุ้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับราคาเสนอขายสุดท้าย
***ส่วน บมจ.มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MGI หุ้นน้องใหม่ เจ้าของเวทีประกวดนางงามก้องโลก “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ “มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ก้อตามมาติดๆ เตรียมระดมทุนในตลาด mai จำนวน 60 ล้านหุ้น นำทีมโดย “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ควงแขนที่ปรึกษาทางการเงิน “คุณวรชาติ ทวยเจริญ” ร่วมนำเสนอข้อมูลธุรกิจ ชูจุดแข็ง และโอกาสการเติบโตของ MGI ผู้อยู่เบื้องหลังความงามอย่างมีคุณค่า ในวันพุธที่ 29 พ.ย.นี้ เวลา 13.30 – 15.00 น. ในรูปแบบออนไลน์ นักลงทุนที่สนใจสามารถรับชมผ่าน Facebook : https://www.facebook.com/irplus และ https://www.facebook.com/missgrandthailand
***มีหุ้นเล็กตัวนึงที่เจ๊จิ๋มเฝ้าจับตามาซักระยะแล้ว..น่าสนใจ! W ไง..จะใครล่ะ!!! ตอนนี้อยู่ในช่วงเตรียมเพิ่มทุนแบบ ROไม่เกิน 197.02 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 5 : 1 ราคาหุ้นละ 1 บาท กำหนดรายชื่อผู้ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นในวันที่ 29 พ.ย.66 กำหนดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15 -21 ธ.ค.นี้ ส่วนหุ้นเพิ่มทุนอีก 197 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการแปลงสภาพ W-6 ที่จะแจกให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนฟรี! ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์
***ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง "ภูริชญ์ วงศ์ขำ" กระซิบกับเจ๊ว่าตอนนี้นี้ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆของบริษัทฯได้ยืนยันการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน RO แน่นอน รวมถึงการแสดงความจำนงที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิอีกด้วย เพราะมองว่าเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมฐานะทางการเงินให้มีความแข็งแกร่ง สร้างโอกาสการเติบโตในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จากแผนการขยายสาขาร้านอาหาร และบุกตลาด Food & Beverage เพื่อสร้าง New S-Curve ซึ่งจะทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานกลับมาเทิร์นอะราวด์ในปี 2567
***วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนของ W ครั้งนี้ จะนำไปชำระหนี้ราว 115 - 197 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต เช่น ขยายสาขา ปรับปรุงร้าน ประมาณ 50 - 100 ล้านบาท รวมถึงส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้ และขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบัน และหรือธุรกิจมีศักยภาพ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยมีระยะเวลาในการใช้เงินภายใน 2566-2567
***ส่วนทางนี้ก้อขะ-ย๊านนนนน-ขะหยัน "พี่ตุ๋ย" บิ๊กบอส LEO ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เสริมแกร่งธุรกิจบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทุ่มงบกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนใน LogiCam - LEO ลุยพัฒนาธุรกิจการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร (Integrated Logistics Services) ระหว่างประเทศไทย - กัมพูชา ต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าแบบครบวงจร
***พร้อมกันนี้ LEO จะเข้าซื้อหุ้น “อาราเม็กซ์ (ประเทศไทย)” เพิ่มอีก 10% ต่อจากบริษัท ทรานสปีด เอเชีย จำกัด (Transpeed Asia) ส่งผลให้ LEO ถือหุ้นเพิ่มเป็น 36% รองรับแผนการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจการให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศกับบริษัท ARAMEX ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 5 ของโลกในด้าน Courier & Express Service และมีจุดแข็งในการให้บริการไปยังประเทศในกลุ่ม Middle East และ South Asia ที่กำลังเป็นตลาดที่มีการเติบโตและบริษัทฯ มีการวางแผนในการขยายตลาดในกลุ่มประเทศนี้อย่างเข้มข้น
***"พิทักษ์ รัชกิจประการ" นานๆ ออกงานที..แต่เด็ดดวงทุกครั้ง! ประกาศความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ยินดังๆ ได้ฟังชัดๆ ปี 2566 มั่นใจยอดขายน้ำมันของ PTG จะเติบโตตามเป้าหมายที่ระดับ 10-15% หรือสูงกว่าตลาดโดยรวมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1% รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย รวมถึงการประกาศใช้นโยบายฟรีวีซ่าของภาครัฐ
อีกทั้ง บริษัทฯ ได้มีการขยายจำนวนและปรับปรุงสถานีบริการเข้าในพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีการเข้าใช้บริการซ้ำของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งยังคงวางเป้าการขยายสถานีบริการไว้เท่าเดิมคือ จำนวน 2,206 สถานีบริการในปี 2566
***ส่วนธุรกิจ Non-Oil ปีนี้ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว โดยวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ Non-Oil ไว้ที่ 50-60% ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง ขณะที่สัดส่วนกำไรขั้นต้นยังคงเดิมที่ระดับ 20-30%
***ช๊อทคัทมาโฟกัสที่ไตรมาส 4/66 อย่างเดียว บิ๊กบอส PTG มั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจน้ำมัน และเป็นฤดูกาลของการเดินทางท่องเที่ยวและเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้มีปริมาณความต้องการใช้กลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้มีปริมาณขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับค่าการตลาดน้ำมันที่มีการฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร จึงมั่นใจว่ายอดขายน้ำมันปีนี้จะเติบโต 10-15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ดันมาร์เก็ตแชร์ทะลุ 20% จากไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 19.2%