Wealth Sharing

BCPG ตัดขายโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 9 โครงการ มูลค่ารวม 1.03 หมื่นลบ.


04 ธันวาคม 2566
นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อทราบถึงสารสนเทศในการจำหน่ายไปซึ่งเงินลงทุนทั้งหมดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย กิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 9 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 117  เมกะวัตต์ รวมถึงบริษัทย่อยในประเทศญี่ปุ่นซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) และให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operation & Maintenance) สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของกลุ่มบริษัทฯ โดยการจำหน่ายไปซึ่งหุ้นสามัญในบริษัทย่อยและเงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด  รวมมูลค่าซื้อขาย 42,970 ล้านเยนหรือ 10,377 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 24.15 บาท ต่อ 100 เยน) ซึ่งประกอบด้วยส่วนของมูลค่าหุ้น 6,935 ล้านบาทและส่วนของหนี้สินเงินกู้โครงการสุทธิ 3,442 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับกลุ่ม Obton ซึ่งเป็นบริษัทไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่จากยุโรป เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา และมั่นใจว่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะสำเร็จลุล่วงภายในไตรมาสแรกปี 2567

BCPG ตัดขายโรงไฟฟ้า.jpg

ทั้งนี้การจำหน่ายสินทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น เป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาวของบริษัทฯ ในการเข้าพัฒนาโรงไฟฟ้าตั้งแต่ก่อนการก่อสร้างจนกระทั่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ แล้วทำการจำหน่ายให้แก่นักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดที่มั่นคง เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรสูงสุด โดยบริษัทฯ ได้เริ่มลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งมีโครงการฯ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเพียง 13 เมกะวัตต์ ณ ขณะนั้น  และต่อมาบริษัทฯ ได้ทำการพัฒนาและก่อสร้างโครงการฯเพิ่มเติมอีก 132 เมกะวัตต์ รวมถึงได้ทำการขายโครงการฯ  2 โครงการ รวมจำนวน 28 เมกะวัตต์ ไปในปี 2561  ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 117 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 104 เมกะวัตต์และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 13 เมกะวัตต์  โครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่มีคุณภาพ สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกหลายรายที่ต้องการลงทุน

การจำหน่ายโครงการฯ ทั้งหมดในญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ครั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบราคาขายกับต้นทุนทางบัญชี คาดว่าจะทำให้มีส่วนต่างกว่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการสร้างผลตอบที่ดีแก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น  นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะนำกระแสเงินสดจากการจำหน่ายโครงการฯ กลับมาใช้รองรับโครงการลงทุนใหม่ๆ เป็นการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว 

“โครงการของบีซีพีจีและแพลตฟอร์มการบริหารจัดการโครงการในญี่ปุ่น ได้รับความสนใจจากนักลงทุนระดับโลกหลายรายในการเสนอซื้อสินทรัพย์ เป็นการตอกย้ำว่า โครงการต่างๆ ของบริษัทฯ ได้รับการพัฒนาและบริหารจัดการในมาตรฐาน world class รวมถึงยังสามารถสรรหาและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ มีระบบการบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล” นายนิวัติกล่าวทิ้งท้าย