Wealth Sharing
MC ส่งซิกไตรมาส 2 กำไรปีบัญชี67โตต่อเนื่อง ช่องทางขายออนไลน์พุ่ง - ลุยออกคอลเลกชั่นใหม่
06 ธันวาคม 2566
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยในงาน Opportunity Day ถึงภาพรวมผลการดำเนินงานว่า บริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในงวดไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 (1 ต.ค. -31 ธ.ค. 2566) จากช่วงไตรมาส 1 ปีบัญชี 2567 ที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 129 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท และมีรายได้ 882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 759 ล้านบาท
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยในช่วงปลายปีนี้ จะมีการนำเสนอคอลเลกชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ เช่น Mc Selvedge Dragon, Mc Journey และ Mc Play, Year of Dragon เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ และการท่องเที่ยวปลายปี รวมถึงการเปิด Mc Outlet ที่ดำเนินการเปิดอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือนพ.ย. 2566 มีจำนวน 125 สาขาทั่วประเทศ
“เรามั่นใจว่า จะมีกำไรเติบโตในเลขสองหลักได้อย่างต่อเนื่อง และในไตรมาส 2 จะโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นฤดูกาลใช้จ่ายและการเดินทาง แม็คยีนส์ เรามีทั้งกางเกงยีนส์ และสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แม็คกรุ๊ป กล่าว
สำหรับการขายสินค้าของบริษัทฯ สิ้นไตรมาส 1 ปีบัญชี 2567 ช่องทางออฟไลน์ ผ่านร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) ที่เป็นช่องทางหลัก มีสัดส่วนกว่า 66% มีรายได้ 585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7%, ช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) สัดส่วน 11% มีรายได้ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.1% ช่องทางการขายออนไลน์ ในช่วง 11.11 ที่ผ่านมานั้น ยอดขายแบรนด์ “แม็คยีนส์” ผ่านแพลตฟอร์ม TIKTOK มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในหมวดหมู่สินค้าเสื้อผ้าผู้ชาย และมีแนวโน้มว่าในช่วง 12.12 คาดว่ายอดขายจะเป็นที่น่าพอใจเช่นกัน ช่องทางการขายออนไลน์ ถือว่าเป็นช่องทางที่มีมาร์จิ้นดี ช่วยสนับสนุนมาร์จิ้นรวมของบริษัท โดย ไตรมาส 1 ปีนี้ มีมาร์จิ้นที่ 66% ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ ซึ่งอยู่ที่ 64.6% สำหรับห้างสรรพสินค้า (Department Store) สัดส่วน 19% มีรายได้ 170 ล้านบาทลดลงเล็กน้อย
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นเดือนก.ย. 2566 มีเงินสดทั้งสิ้น 1,675 ล้านบาท และยังคงเป็นบริษัทที่มีสถานะไม่มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และพร้อมที่จะแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิงวดปี 2567 ให้เติบโตต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นยังคงได้รับเงินปันผลในอัตราเกือบ100% ต่อเนื่องมานับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทฯ ยังคงมีนโยบายปันผลแบบนี้ต่อไป ซึ่งเมื่อนักลงทุนถือหุ้น MC จะมีผลตอบแทนจากเงินปันผล (Div yield) ในระดับ 5- 7% ต่อปี ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 30 มิ.ย. 2566 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132 ล้านบาท จากผลประกอบการที่เพิ่ม 129 ล้านบาท
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยในช่วงปลายปีนี้ จะมีการนำเสนอคอลเลกชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ เช่น Mc Selvedge Dragon, Mc Journey และ Mc Play, Year of Dragon เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ และการท่องเที่ยวปลายปี รวมถึงการเปิด Mc Outlet ที่ดำเนินการเปิดอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือนพ.ย. 2566 มีจำนวน 125 สาขาทั่วประเทศ
“เรามั่นใจว่า จะมีกำไรเติบโตในเลขสองหลักได้อย่างต่อเนื่อง และในไตรมาส 2 จะโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นฤดูกาลใช้จ่ายและการเดินทาง แม็คยีนส์ เรามีทั้งกางเกงยีนส์ และสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แม็คกรุ๊ป กล่าว
สำหรับการขายสินค้าของบริษัทฯ สิ้นไตรมาส 1 ปีบัญชี 2567 ช่องทางออฟไลน์ ผ่านร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) ที่เป็นช่องทางหลัก มีสัดส่วนกว่า 66% มีรายได้ 585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7%, ช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) สัดส่วน 11% มีรายได้ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.1% ช่องทางการขายออนไลน์ ในช่วง 11.11 ที่ผ่านมานั้น ยอดขายแบรนด์ “แม็คยีนส์” ผ่านแพลตฟอร์ม TIKTOK มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในหมวดหมู่สินค้าเสื้อผ้าผู้ชาย และมีแนวโน้มว่าในช่วง 12.12 คาดว่ายอดขายจะเป็นที่น่าพอใจเช่นกัน ช่องทางการขายออนไลน์ ถือว่าเป็นช่องทางที่มีมาร์จิ้นดี ช่วยสนับสนุนมาร์จิ้นรวมของบริษัท โดย ไตรมาส 1 ปีนี้ มีมาร์จิ้นที่ 66% ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ ซึ่งอยู่ที่ 64.6% สำหรับห้างสรรพสินค้า (Department Store) สัดส่วน 19% มีรายได้ 170 ล้านบาทลดลงเล็กน้อย
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นเดือนก.ย. 2566 มีเงินสดทั้งสิ้น 1,675 ล้านบาท และยังคงเป็นบริษัทที่มีสถานะไม่มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และพร้อมที่จะแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิงวดปี 2567 ให้เติบโตต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นยังคงได้รับเงินปันผลในอัตราเกือบ100% ต่อเนื่องมานับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทฯ ยังคงมีนโยบายปันผลแบบนี้ต่อไป ซึ่งเมื่อนักลงทุนถือหุ้น MC จะมีผลตอบแทนจากเงินปันผล (Div yield) ในระดับ 5- 7% ต่อปี ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 30 มิ.ย. 2566 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132 ล้านบาท จากผลประกอบการที่เพิ่ม 129 ล้านบาท