จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : เงินกู้ 3.9 พันลบ. ติดปีก EA เดินหน้าโครงการ EV Bus
07 ธันวาคม 2566
3 สถาบันการเงินไทยและต่างประเทศ ร่วมปล่อยสินเชื่อให้ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) วงเงิน 3.9 พันล้านบาท เดินหน้าโครงการ EV Bus สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัท
บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เดินหน้าโครงการรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะเต็มตัว หลังได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินชั้นนำของไทยและต่างประเทศ โดยนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ระบุว่า บริษัทได้ร่วมลงนามสินเชื่อเงินกู้ มูลค่า 3.9 พันล้านบาท (เทียบเท่า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) กับ 3 สถาบันการเงิน นำโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Thailand) เพื่อลงทุนเช่าซื้อรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะ (EV Bus) จำนวนไม่เกิน 1,200 คัน
ซึ่งรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะเหล่านี้จะเข้ามาแทนที่รถโดยสารเครื่องยนต์สันดาป และช่วยเสริมบริการขนส่งสาธารณะของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด และบริษัทในเครือ ครอบคลุม 123 เส้นทาง ภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รองรับการใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่สะอาดในประเทศไทย
"การร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนสินเชื่อ มูลค่า 3.9 พันล้านบาท (เทียบเท่า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อนำเงินไปบริหารจัดการธุรกิจเช่าซื้อรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะ (EV Bus) โดยระยะแรกเป็นการให้เช่าซื้อแก่ผู้ประกอบการที่ให้บริการรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยกระดับการเดินทาง ลดปัญหามลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจได้จากผลตอบแทนจากการเดินรถนำไปสู่การแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตรถโดยสารไฟฟ้าเป็นโครงการแรกของเอเชีย" นายอมร กล่าว
EA ยังมุ่งเน้นในการขยายสู่ธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดการดำเนินงานธุรกิจปัจจุบันของกลุ่มบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Thailand) ในครั้งนี้ เพื่อผลักดันนโยบายของบริษัทฯ ที่มุ่งสู่การเป็นบริษัทผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดของประเทศ ในการดำเนินธุรกิจที่มีความครอบคลุมทุกการบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้า สร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EAs EV Ecosystem) อย่างครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งช่วยสร้างความเชื่อมั่นและสร้างโอกาสการลงทุนร่วมกัน จะเป็นพลังสำคัญทำให้ EA เติบโตไปพร้อมกับการสร้างสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สู่สังคมไร้มลพิษอย่างยั่งยืน
ขณะที่ บล.ดาโอ ระบุว่า ยังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” EA ที่ราคาเป้าหมายปี 2024E ที่ 70.00 บาท อิงวิธี SoTP (หรือคิดเป็น PER ที่ 28 เท่า หรือ -1.0 below 5-yr average PER) เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
1) ผู้บริหารคาดรายได้ปี 2024E โตราว +20%YoY (เราคาด +15%) หลักๆมาจากการขายรถ CEV (commercial electric vehicle)ชดเชยรายได้จาก ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ลดลง ซึ่งคาดยอดส่งมอบ CEV ที่ 2,500-3,000 คันใน 2023E (9M23 = 2,079 คัน),อย่างน้อย 3,300 คันใน 2024E และ 2025E/26E ที่ 5,600/8,000 คัน ตามลำดับ ทั้งนี้ตั้งแต่ในปี 2024E จะเริ่มเห็นการส่งมอบหลักไปที่ E-Truck มากขึ้น
2) บริษัทมุ่งสู่ธุรกิจ Bio-PCM เพื่อรองรับความต้องการใช้ PCM (Phase Change Material) ในธุรกิจก่อสร้าง, สิ่งทอ และพลาสติก โดยเน้นไปที่ตลาดต่างประเทศ รวมถึงการผลิต Bio-jet fuel เพื่อใช้ในอุตสาหกรรม Aviation ที่มองว่ามีความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดจะเริ่มรับรู้รายได้ภายใน 2024E
ทั้งนี้บริษัทคงประมาณการกำไรปี 2023E/24E อยู่ที่ 8.2/9.2 พันล้านบาท โต +8%/+13% YoY โดยกำไร 9M23 คิดเป็น 74% ต่อประมาณการทั้งปีของเรา จากคาดรถที่ส่งมอบรถ CEV ที่ราว 2.8 พันคันในปี 2023E แนวโน้ม 4Q23E คาดกำไรทรงตัว QoQ แต่อ่อนตัว YoY จากรายได้ธุรกิจขายไฟฟ้าทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ความเข้มของแสงดีกว่าใน 3Q23 ถูกชดเชยด้วยค่า ft ที่ปรับลง ราคาหุ้น underperform SET ที่ -18%/-38% ในช่วง 3 และ 12 เดือนที่ผ่านมา จากข่าวสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัทในเครือ และการส่งมอบรถ CEV ที่ล่าช้าตั้งแต่ 2Q23
ทั้งนี้เรายังแนะนำ “ซื้อ” จาก valuation ที่ปัจจุบันเทรดอยู่ในระดับที่ต่ำเทียบกับผลการดำเนินงาน 2024E คิดเป็น PER ที่ 19x เทียบกับ 5-yr avg. ที่ 36x
บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เดินหน้าโครงการรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะเต็มตัว หลังได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินชั้นนำของไทยและต่างประเทศ โดยนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ระบุว่า บริษัทได้ร่วมลงนามสินเชื่อเงินกู้ มูลค่า 3.9 พันล้านบาท (เทียบเท่า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) กับ 3 สถาบันการเงิน นำโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Thailand) เพื่อลงทุนเช่าซื้อรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะ (EV Bus) จำนวนไม่เกิน 1,200 คัน
ซึ่งรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะเหล่านี้จะเข้ามาแทนที่รถโดยสารเครื่องยนต์สันดาป และช่วยเสริมบริการขนส่งสาธารณะของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด และบริษัทในเครือ ครอบคลุม 123 เส้นทาง ภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รองรับการใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่สะอาดในประเทศไทย
"การร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนสินเชื่อ มูลค่า 3.9 พันล้านบาท (เทียบเท่า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อนำเงินไปบริหารจัดการธุรกิจเช่าซื้อรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะ (EV Bus) โดยระยะแรกเป็นการให้เช่าซื้อแก่ผู้ประกอบการที่ให้บริการรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยกระดับการเดินทาง ลดปัญหามลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจได้จากผลตอบแทนจากการเดินรถนำไปสู่การแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตรถโดยสารไฟฟ้าเป็นโครงการแรกของเอเชีย" นายอมร กล่าว
EA ยังมุ่งเน้นในการขยายสู่ธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดการดำเนินงานธุรกิจปัจจุบันของกลุ่มบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Thailand) ในครั้งนี้ เพื่อผลักดันนโยบายของบริษัทฯ ที่มุ่งสู่การเป็นบริษัทผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดของประเทศ ในการดำเนินธุรกิจที่มีความครอบคลุมทุกการบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้า สร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EAs EV Ecosystem) อย่างครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งช่วยสร้างความเชื่อมั่นและสร้างโอกาสการลงทุนร่วมกัน จะเป็นพลังสำคัญทำให้ EA เติบโตไปพร้อมกับการสร้างสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สู่สังคมไร้มลพิษอย่างยั่งยืน
ขณะที่ บล.ดาโอ ระบุว่า ยังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” EA ที่ราคาเป้าหมายปี 2024E ที่ 70.00 บาท อิงวิธี SoTP (หรือคิดเป็น PER ที่ 28 เท่า หรือ -1.0 below 5-yr average PER) เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
1) ผู้บริหารคาดรายได้ปี 2024E โตราว +20%YoY (เราคาด +15%) หลักๆมาจากการขายรถ CEV (commercial electric vehicle)ชดเชยรายได้จาก ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ลดลง ซึ่งคาดยอดส่งมอบ CEV ที่ 2,500-3,000 คันใน 2023E (9M23 = 2,079 คัน),อย่างน้อย 3,300 คันใน 2024E และ 2025E/26E ที่ 5,600/8,000 คัน ตามลำดับ ทั้งนี้ตั้งแต่ในปี 2024E จะเริ่มเห็นการส่งมอบหลักไปที่ E-Truck มากขึ้น
2) บริษัทมุ่งสู่ธุรกิจ Bio-PCM เพื่อรองรับความต้องการใช้ PCM (Phase Change Material) ในธุรกิจก่อสร้าง, สิ่งทอ และพลาสติก โดยเน้นไปที่ตลาดต่างประเทศ รวมถึงการผลิต Bio-jet fuel เพื่อใช้ในอุตสาหกรรม Aviation ที่มองว่ามีความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดจะเริ่มรับรู้รายได้ภายใน 2024E
ทั้งนี้บริษัทคงประมาณการกำไรปี 2023E/24E อยู่ที่ 8.2/9.2 พันล้านบาท โต +8%/+13% YoY โดยกำไร 9M23 คิดเป็น 74% ต่อประมาณการทั้งปีของเรา จากคาดรถที่ส่งมอบรถ CEV ที่ราว 2.8 พันคันในปี 2023E แนวโน้ม 4Q23E คาดกำไรทรงตัว QoQ แต่อ่อนตัว YoY จากรายได้ธุรกิจขายไฟฟ้าทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ความเข้มของแสงดีกว่าใน 3Q23 ถูกชดเชยด้วยค่า ft ที่ปรับลง ราคาหุ้น underperform SET ที่ -18%/-38% ในช่วง 3 และ 12 เดือนที่ผ่านมา จากข่าวสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัทในเครือ และการส่งมอบรถ CEV ที่ล่าช้าตั้งแต่ 2Q23
ทั้งนี้เรายังแนะนำ “ซื้อ” จาก valuation ที่ปัจจุบันเทรดอยู่ในระดับที่ต่ำเทียบกับผลการดำเนินงาน 2024E คิดเป็น PER ที่ 19x เทียบกับ 5-yr avg. ที่ 36x