ตามหนังสือที่อ้างถึง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้แจ้งให้ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) (JKN) ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2566 เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลสําคัญสําหรับประกอบการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทในประเด็นต่างๆ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 14/2566 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 มีความเห็นในการชี้แจงเบื้องต้น ดังนี้
(1) การประเมินด้อยค่าสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการประเมินซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์และฐานะการเงินของบริษัทอย่างมีนัยสําคัญ เช่น ปัจจัยที่ใช้พิจารณาการด้อยค่าสินทรัพย์ สถานะการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ความเห็นของฝ่ายจัดการต่อการปรับปรุงมูลค่าสินทรัพย์และประเมินผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท เป็นต้น นั้น บริษัท ขอเรียนว่า เนื่องจากในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินจะดําเนินการโดยผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินอิสระตามมาตรฐานการจัดทําบัญชี PAE (TFRS 9) ซึ่งอยู่ในระหว่างการดําเนินการประสานงานกับบริษัทผู้ประเมิน ในขณะที่การประเมินด้อยค่าทรัพย์สินดังกล่าวในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ที่ผ่านมา ดําเนินการโดยผู้สอบบัญชีของบริษัท ตามมาตรฐานการสอบทานทางบัญชีซึ่งภายหลังจากได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์ บริษัทได้ติดต่อประสานกับผู้สอบบัญชีเพื่อให้ดําเนินการจัดส่งข้อมูลให้แก่บริษัท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการจัดส่งข้อมูลจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ซึ่งบริษัทจะรวบรวมจัดส่งไปพร้อมกับความเห็นของฝ่ายจัดการต่อการปรับปรุงมูลค่าสินทรัพย์ และประเมินผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท
(2) แผนการขายเงินลงทุนในบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จํากัด (บริษัทย่อย 60%) ซึ่งมีค่าความนิยม 40 ล้านบาท โดยราคาขายกําหนดตํ่ากว่าราคาซื้อ 27% และการมีเงินให้กู้ยืมคงค้าง 42.4 ล้านบาท เช่น เหตุผลในการขายเงินลงทุน เกณฑ์การกําหนดราคาขาย รายละเอียดผู้จะซื้อ ความคืบหน้าการพิจารณาแผนการขาย MNB ฯลฯ นั้น บริษัท ขอเรียนว่า เหตุผลหลักที่ทําให้ต้องขายเงินลงทุนในบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จํากัดเนื่องจากผู้ร่วมทุนรายเดิม คือ “กลุ่ม MN Auto Team” ซึ่งมีความชํานาญในการประกอบธุรกิจโรงงานผลิตและจําหน่ายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแบบบรรจุขวด และให้บริการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ได้มีการขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด (ร้อยละ 40) ออกไปให้กับบริษัท ทีซีจี โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จํากัด (TCG) อีกทั้งโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ห่างไกลจากสํานักงานของบริษัทอย่างมาก ทําให้การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความยากลําบาก จึงได้เสนอให้ TCG ซื้อหุ้นทั้งหมดที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด (ร้อยละ 60)
อนึ่ง บริษัทมีความประสงค์จะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ถือหุ้นรับทราบถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเกณฑ์การกําหนดราคาขาย
รายละเอียดผู้จะซื้อรวมตลอดถึงความคืบหน้าการพิจารณาแผนการขาย MNB บริษัทจําเป็นต้องรวบรวมจากหลายส่วนงานภายในบริษัท และจากผู้ประเมินราคาซื้อขายซึ่งเป็นที่ปรึกษาและเป็นบุคคลภายนอก ทําให้ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลและส่งมอบให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ได้ทันภายในเวลาที่กําหนด
นอกจากนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานะการประกอบธุรกิจและผลการดําเนินงานของ MNB ในปัจจุบัน การจ่ายชําระดอกเบี้ย ผ่านมา และการประเมินความสามารถในการชําระคืนเงินต้นนั้น
แม้ว่า MNB จะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท แต่ข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์ขอให้ชี้แจงดังกล่าว บริษัทจําเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของ MNB จัดเตรียมและส่งมอบให้แก่บริษัทเพื่อนํามาสรุปก่อนการชี้แจงและส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ MNB อยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล ซึ่งจากการประสานด้วยวาจาคาดว่าจะสามารถส่งให้แก่บริษัทได้ภายใน 7-10วัน นับแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2566
ส่วนการอธิบายถึงสาเหตุทีการแจ้งมติคณะกรรมการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ว่า บริษัทไม่มีภาระค้ำประกัน และหนี้คงค้างกับ MNB ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลทีปรากฏในหมายเหตุงบการเงิน ข้อ 5 ว่า มีเงินให้กู้ยืมคงค้างแก่ MNB 42.4 ล้านบาท นั้น เนื่องจาก ตามที่บริษัทชี้แจงว่า “บริษัทไม่มีภาระคํ้าประกันและภาระอื่น ๆ รวมถึงหนี้ค้างชําระใด ๆ กับ MNB” นั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีข้อแตกต่างกับงบการเงินที่จัดทํา
โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต สรุปได้ว่า MNB มีสถานะเป็นลูกหนี้ของบริษัทตามจํานวนดังกล่าว โดยบริษัทไม่ได้มีภาระหนี้สินคงค้างกับ MNB
(3) การดําเนินการต่อกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มียอดซื้อลิขสิทธิ์ รวม 99% ของรายได้ค่าสิทธิในงวด 9 เดือน ปี 2566 โดยลูกค้ากลุ่มนี้มียอดคงค้างชําระ 97% ของลูกหนี้การค้าคงค้าง เช่น รายละเอียดลูกหนี้การค้า ระยะเวลาค้างชําระ หลักเกณฑ์ในการประเมินความสามารถในการชําระหนี้ ผลการดําเนินงาน ฐานะการเงินของลูกหนี้ ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ และความเหมาะสมของนโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เป็นต้น นั้น บริษัท ขอเรียนว่า บริษัทมีข้อมูลรายละเอียดลูกหนีการค้าและ ระยะเวลาค้าง ชําระของลูกหนี้ทุกราย แต่จําเป็นต้องสรุปข้อมูลเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์และผู้ถือหุ้น
ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการประเมินความสามารถในการชําระหนี้บริษัทมีหลักเกณฑ์ที่กําหนดเรื่องนี้เอาไว้พร้อมจัดเตรียมเพื่อส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของผลการดําเนินงานและฐานะการเงินของลูกหนี้บริษัทมีความจําเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวให้เป็นปัจจุบันก่อนที่จะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบ ซึ่งขณะนี้ผู้บริหารของบริษัทได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวของลูกหนี้แล้วอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ ส่วนในเรื่องของความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบต่อนโยบายการให้เครดิตแก่ลูกค้า นโยบายการติดตามหนี้ การติดตามให้บริษัทปฏิบัติตามนโยบาย และความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบต่อมาตรการดูแลความเสี่ยงในการเรียกเก็บหนี้จากลูกค้า และความเหมาะสมของนโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ นั้น เนื่องจากเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา กรรมการตรวจสอบชุดเดิมของบริษัทได้มีการลาออกไปจํานวน 2 คน ซึ่งบริษัทเพิ่งจะมีการแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบแทนตําแหน่งที่ว่างลงขณะนี้อยู่ระหว่างที่กรรมการตรวจสอบชุดใหม่ตรวจสอบข้อมูลในเรื่องดังกล่าวจากนั้นจึงจะสามารถให้ความเห็นได้ในส่วนของสาเหตุที่ลูกหนี้การค้าค้างนานและเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ การดําเนินการติดตามทวงถามการชําระเงินของลูกหนี้ และแผนการเรียกเก็บหนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขการชําระหนี้นั้น เนื่องจากการค้างจ่ายหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายมีเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน จําเป็นที่บริษัทจะต้องรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริง แล้วจัดทําสรุปข้อมูลส่วนนี้ให้ชัดเจนเพื่อสร้างความกระจ่างให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่สามารถดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8ธันวาคม 2566ได้
ส่วนในเรื่องนโยบายเกี่ยวกับการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ความเพียงพอของค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญดังกล่าว และการตัดหนี้สูญ บริษัทมีข้อมูลเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว และจะจัดส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์พร้อมกับเอกสารรายการอื่นๆในลําดับถัดไป
(4) การจ่ายคืนเงินกู้ยืมกรรมการที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย 300 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 และการลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 2566 รวม 2,524 ล้านบาท ในขณะทีมีภาระคืนหนี้หุ้นกู้ตามกําหนด ซึ่งไม่ได้ชําระจนเป็นเหตุให้ผิดนัดหนีทั้งหมด บริษัทขอเรียนว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อทราบสาเหตุที่มีการจ่ายคืนเงินกู้ยืมกรรมการที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย 300 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566และตรวจสอบแผนจัดหาแหล่งเงินทุนและบริหารสภาพคล่องในระยะที่ผ่านมา ตลอดจนตรวจสอบความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระเกี่ยวกับความเหมาะสมของการจัดการทางการเงินที่ผ่านมาว่าได้ดําเนินการอย่างระมัดระวังโดยยึดประโยชน์สูงสุดของบริษัทผู้ถือหุ้น และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายแล้วหรือไม่ ซึ่งจะจัดส่งให้ตลาดหลักทรัพย์พร้อมกับรายละเอียดของเงินกู้ยืมกรรมการ ได้แก่ รายชื่อผู้ให้กู้ จํานวนเงิน วัตถุประสงค์ และระยะเวลากู้ยืม และรายละเอียดของเงินกู้ระยะสั้นจากกิจการอื่น 180 ล้านบาท ที่ปรากฏในไตรมาสที่ 3 ปี 2566ได้แก่ รายชื่อผู้ให้กู้ วัตถุประสงค์ จํานวนเงิน อัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขการชําระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูลในลําดับถัดไป
บริษัทขอเรียนว่า ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นเป็นข้อมูลที่มีรายละเอียดจํานวนมากและเกี่ยวข้องกับหลายส่วนงานภายในของบริษัท ส่วนข้อมูลด้านบัญชีจําเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่บัญชีของบริษัทเพื่อประสานกับผู้สอบบัญชีของบริษัทเพื่อจัดเตรียมข้อมูลดังกล่าว ซึ่งจําเป็นต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลก่อนการชี้แจงเพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันความผิดพลาดหรือบกพร่องของข้อมูล ประกอบกับในช่วงรอยต่อระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นเดือนธันวาคม 2566 มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทําให้บริษัทไม่อาจชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2566 ส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์และเผยแพร่ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ภายใน วันที่ 8 ธันวาคม 2566 ได้
ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงมีความจําเป็นที่จะต้องขยายเวลาชี้แจงและส่งข้อมูลเพิ่มเติมงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2566ให้แก่ตลาดหลักทรัพย์และเผยแพร่ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ออกไปอีก 14วัน นับถัดจากวันครบกําหนดเดิม ซึ่งจะครบกําหนดในวันที่ 22 ธันวาคม 2566
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ
ผู้มีอํานาจรายงานสารสนเทศ
(1) การประเมินด้อยค่าสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการประเมินซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์และฐานะการเงินของบริษัทอย่างมีนัยสําคัญ เช่น ปัจจัยที่ใช้พิจารณาการด้อยค่าสินทรัพย์ สถานะการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ความเห็นของฝ่ายจัดการต่อการปรับปรุงมูลค่าสินทรัพย์และประเมินผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท เป็นต้น นั้น บริษัท ขอเรียนว่า เนื่องจากในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินจะดําเนินการโดยผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินอิสระตามมาตรฐานการจัดทําบัญชี PAE (TFRS 9) ซึ่งอยู่ในระหว่างการดําเนินการประสานงานกับบริษัทผู้ประเมิน ในขณะที่การประเมินด้อยค่าทรัพย์สินดังกล่าวในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ที่ผ่านมา ดําเนินการโดยผู้สอบบัญชีของบริษัท ตามมาตรฐานการสอบทานทางบัญชีซึ่งภายหลังจากได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์ บริษัทได้ติดต่อประสานกับผู้สอบบัญชีเพื่อให้ดําเนินการจัดส่งข้อมูลให้แก่บริษัท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการจัดส่งข้อมูลจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ซึ่งบริษัทจะรวบรวมจัดส่งไปพร้อมกับความเห็นของฝ่ายจัดการต่อการปรับปรุงมูลค่าสินทรัพย์ และประเมินผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท
(2) แผนการขายเงินลงทุนในบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จํากัด (บริษัทย่อย 60%) ซึ่งมีค่าความนิยม 40 ล้านบาท โดยราคาขายกําหนดตํ่ากว่าราคาซื้อ 27% และการมีเงินให้กู้ยืมคงค้าง 42.4 ล้านบาท เช่น เหตุผลในการขายเงินลงทุน เกณฑ์การกําหนดราคาขาย รายละเอียดผู้จะซื้อ ความคืบหน้าการพิจารณาแผนการขาย MNB ฯลฯ นั้น บริษัท ขอเรียนว่า เหตุผลหลักที่ทําให้ต้องขายเงินลงทุนในบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ จํากัดเนื่องจากผู้ร่วมทุนรายเดิม คือ “กลุ่ม MN Auto Team” ซึ่งมีความชํานาญในการประกอบธุรกิจโรงงานผลิตและจําหน่ายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแบบบรรจุขวด และให้บริการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ได้มีการขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด (ร้อยละ 40) ออกไปให้กับบริษัท ทีซีจี โซเชียลมีเดีย กรุ๊ป จํากัด (TCG) อีกทั้งโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ห่างไกลจากสํานักงานของบริษัทอย่างมาก ทําให้การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความยากลําบาก จึงได้เสนอให้ TCG ซื้อหุ้นทั้งหมดที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด (ร้อยละ 60)
อนึ่ง บริษัทมีความประสงค์จะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ถือหุ้นรับทราบถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเกณฑ์การกําหนดราคาขาย
รายละเอียดผู้จะซื้อรวมตลอดถึงความคืบหน้าการพิจารณาแผนการขาย MNB บริษัทจําเป็นต้องรวบรวมจากหลายส่วนงานภายในบริษัท และจากผู้ประเมินราคาซื้อขายซึ่งเป็นที่ปรึกษาและเป็นบุคคลภายนอก ทําให้ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลและส่งมอบให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ได้ทันภายในเวลาที่กําหนด
นอกจากนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานะการประกอบธุรกิจและผลการดําเนินงานของ MNB ในปัจจุบัน การจ่ายชําระดอกเบี้ย ผ่านมา และการประเมินความสามารถในการชําระคืนเงินต้นนั้น
แม้ว่า MNB จะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท แต่ข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์ขอให้ชี้แจงดังกล่าว บริษัทจําเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของ MNB จัดเตรียมและส่งมอบให้แก่บริษัทเพื่อนํามาสรุปก่อนการชี้แจงและส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ MNB อยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล ซึ่งจากการประสานด้วยวาจาคาดว่าจะสามารถส่งให้แก่บริษัทได้ภายใน 7-10วัน นับแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2566
ส่วนการอธิบายถึงสาเหตุทีการแจ้งมติคณะกรรมการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ว่า บริษัทไม่มีภาระค้ำประกัน และหนี้คงค้างกับ MNB ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลทีปรากฏในหมายเหตุงบการเงิน ข้อ 5 ว่า มีเงินให้กู้ยืมคงค้างแก่ MNB 42.4 ล้านบาท นั้น เนื่องจาก ตามที่บริษัทชี้แจงว่า “บริษัทไม่มีภาระคํ้าประกันและภาระอื่น ๆ รวมถึงหนี้ค้างชําระใด ๆ กับ MNB” นั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีข้อแตกต่างกับงบการเงินที่จัดทํา
โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต สรุปได้ว่า MNB มีสถานะเป็นลูกหนี้ของบริษัทตามจํานวนดังกล่าว โดยบริษัทไม่ได้มีภาระหนี้สินคงค้างกับ MNB
(3) การดําเนินการต่อกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มียอดซื้อลิขสิทธิ์ รวม 99% ของรายได้ค่าสิทธิในงวด 9 เดือน ปี 2566 โดยลูกค้ากลุ่มนี้มียอดคงค้างชําระ 97% ของลูกหนี้การค้าคงค้าง เช่น รายละเอียดลูกหนี้การค้า ระยะเวลาค้างชําระ หลักเกณฑ์ในการประเมินความสามารถในการชําระหนี้ ผลการดําเนินงาน ฐานะการเงินของลูกหนี้ ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ และความเหมาะสมของนโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เป็นต้น นั้น บริษัท ขอเรียนว่า บริษัทมีข้อมูลรายละเอียดลูกหนีการค้าและ ระยะเวลาค้าง ชําระของลูกหนี้ทุกราย แต่จําเป็นต้องสรุปข้อมูลเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์และผู้ถือหุ้น
ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการประเมินความสามารถในการชําระหนี้บริษัทมีหลักเกณฑ์ที่กําหนดเรื่องนี้เอาไว้พร้อมจัดเตรียมเพื่อส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของผลการดําเนินงานและฐานะการเงินของลูกหนี้บริษัทมีความจําเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวให้เป็นปัจจุบันก่อนที่จะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบ ซึ่งขณะนี้ผู้บริหารของบริษัทได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวของลูกหนี้แล้วอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ ส่วนในเรื่องของความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบต่อนโยบายการให้เครดิตแก่ลูกค้า นโยบายการติดตามหนี้ การติดตามให้บริษัทปฏิบัติตามนโยบาย และความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบต่อมาตรการดูแลความเสี่ยงในการเรียกเก็บหนี้จากลูกค้า และความเหมาะสมของนโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ นั้น เนื่องจากเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา กรรมการตรวจสอบชุดเดิมของบริษัทได้มีการลาออกไปจํานวน 2 คน ซึ่งบริษัทเพิ่งจะมีการแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบแทนตําแหน่งที่ว่างลงขณะนี้อยู่ระหว่างที่กรรมการตรวจสอบชุดใหม่ตรวจสอบข้อมูลในเรื่องดังกล่าวจากนั้นจึงจะสามารถให้ความเห็นได้ในส่วนของสาเหตุที่ลูกหนี้การค้าค้างนานและเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ การดําเนินการติดตามทวงถามการชําระเงินของลูกหนี้ และแผนการเรียกเก็บหนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขการชําระหนี้นั้น เนื่องจากการค้างจ่ายหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายมีเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน จําเป็นที่บริษัทจะต้องรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริง แล้วจัดทําสรุปข้อมูลส่วนนี้ให้ชัดเจนเพื่อสร้างความกระจ่างให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่สามารถดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8ธันวาคม 2566ได้
ส่วนในเรื่องนโยบายเกี่ยวกับการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ความเพียงพอของค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญดังกล่าว และการตัดหนี้สูญ บริษัทมีข้อมูลเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว และจะจัดส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์พร้อมกับเอกสารรายการอื่นๆในลําดับถัดไป
(4) การจ่ายคืนเงินกู้ยืมกรรมการที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย 300 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 และการลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 2566 รวม 2,524 ล้านบาท ในขณะทีมีภาระคืนหนี้หุ้นกู้ตามกําหนด ซึ่งไม่ได้ชําระจนเป็นเหตุให้ผิดนัดหนีทั้งหมด บริษัทขอเรียนว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อทราบสาเหตุที่มีการจ่ายคืนเงินกู้ยืมกรรมการที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย 300 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566และตรวจสอบแผนจัดหาแหล่งเงินทุนและบริหารสภาพคล่องในระยะที่ผ่านมา ตลอดจนตรวจสอบความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระเกี่ยวกับความเหมาะสมของการจัดการทางการเงินที่ผ่านมาว่าได้ดําเนินการอย่างระมัดระวังโดยยึดประโยชน์สูงสุดของบริษัทผู้ถือหุ้น และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายแล้วหรือไม่ ซึ่งจะจัดส่งให้ตลาดหลักทรัพย์พร้อมกับรายละเอียดของเงินกู้ยืมกรรมการ ได้แก่ รายชื่อผู้ให้กู้ จํานวนเงิน วัตถุประสงค์ และระยะเวลากู้ยืม และรายละเอียดของเงินกู้ระยะสั้นจากกิจการอื่น 180 ล้านบาท ที่ปรากฏในไตรมาสที่ 3 ปี 2566ได้แก่ รายชื่อผู้ให้กู้ วัตถุประสงค์ จํานวนเงิน อัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขการชําระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูลในลําดับถัดไป
บริษัทขอเรียนว่า ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นเป็นข้อมูลที่มีรายละเอียดจํานวนมากและเกี่ยวข้องกับหลายส่วนงานภายในของบริษัท ส่วนข้อมูลด้านบัญชีจําเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่บัญชีของบริษัทเพื่อประสานกับผู้สอบบัญชีของบริษัทเพื่อจัดเตรียมข้อมูลดังกล่าว ซึ่งจําเป็นต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลก่อนการชี้แจงเพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันความผิดพลาดหรือบกพร่องของข้อมูล ประกอบกับในช่วงรอยต่อระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นเดือนธันวาคม 2566 มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทําให้บริษัทไม่อาจชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2566 ส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์และเผยแพร่ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ภายใน วันที่ 8 ธันวาคม 2566 ได้
ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงมีความจําเป็นที่จะต้องขยายเวลาชี้แจงและส่งข้อมูลเพิ่มเติมงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2566ให้แก่ตลาดหลักทรัพย์และเผยแพร่ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ออกไปอีก 14วัน นับถัดจากวันครบกําหนดเดิม ซึ่งจะครบกําหนดในวันที่ 22 ธันวาคม 2566
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ
ผู้มีอํานาจรายงานสารสนเทศ