เปิดชีวิต คุณสุมณี ไฮโซหมื่นล้าน วัย 87 ปี กับสาเหตุที่ยังไม่อยากตาย แม้เฉียดมาแล้ว
ต้องบอกเลยว่าแวดวงเซเลบไฮโซไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ สำหรับ สุมณี คุณะเกษม เศรษฐินีอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเจ้าของฉายาบาร์บี้เมืองไทย ที่วันนี้เธอจะมาเผยถึงทุกเรื่องราวชีวิต และเผยถึงสาเหตุที่ยังไม่อยากตายแม้ปัจจุบันจะอายุ 87 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรง ดูแลตัวเองให้สุขภาพดีโดยไม่ต้องพึ่งใคร ในรายการ WOODY FM
ยังเหมือนเดิมเลย เอนเนอจี้ก็เหมือนเดิม อะไรคือความลับที่ทำให้เรายังคงเหมือนเดิม พี่นอนกี่โมงครับ?
คุณสุมณี : ก่อนโควิดพี่เต้นรำนอนตี 2 มันไม่ดีเลยไม่งั้นป่านนี้สาวกว่านี้เยอะ (หัวเราะ) เต้นรำทุกคืนเลย เช้ารุ่งทำงานพอช่วงบ่ายก็ไปแล้ว
คุณสุมณี : ค่ะ ไม่ได้หยุดเลย แต่ทำงานเสร็จแล้วก็จบนะคะ
พี่ไม่ทานเนื้อสัตว์เลย?
คุณสุมณี : ใช่ค่ะ ไม่ทานมา 8-9 ปีแล้วค่ะ ก็ตั้งแต่เป็นมะเร็งค่ะที่ปีกมดลูก เราก็ตัดมดลูกออกไปแล้ว แล้วได้รับคีโมเยอะแยะไปหมด โชคดีที่ไม่แพ้ เลยมาคิดดูเราอายุก็มากขึ้น ไม่อยากจะทำบาปทำกรรมต่อไป อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาก็บอกว่าเนื้อสัตว์มันก็ไม่ค่อยดีกับโรคอย่างที่เราเป็น เดี๋ยวมันจะไปผุดขึ้นมาใหม่ แต่นี่ก็โชคดีเกือบ 10 ปีแล้วก็ไม่ไปโผล่ที่ไหนอีกนะคะนี่ก็เพิ่งไปตรวจมา ก็เจอผ่าหัวใจไปอีก ปีนี้ก็เรียกว่ามนุษย์หัวแข็งจริงๆ (หัวเราะ) ผ่าหัวใจ 4 เส้นมันก็อยู่มาได้ คุณหมอเอาหัวใจออกมาแขวนไว้แล้วก็เอาหัวใจปลอมใส่ระหว่างผ่าตัดเปลี่ยนเส้นอะไรต่ออะไร เอาเส้นที่ขาเนี้ยมีแผลยาวเลย เอาเส้นเลือดที่ขามาต่อ มาเปลี่ยนแล้วเอาหัวใจยัดกลับเข้าไปใหม่ เอาหัวใจปลอมออกก็อยู่มาได้นะ ยังเต้นรำทำเพลงบ้าๆ บอๆ ไปได้อีกนะคะ
คุณสุมณีเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนเยอะมาก วิธีการใช้ชีวิต ความคิด จนมีแฟนๆ ติดตามกันเยอะ และในโซเชียลก็เยอะด้วย ทางทีมงานให้พี่ถ่ายคอนเทนต์แทบทุกวันไหมครับ?
คุณสุมณี : ก็แทบทุกวันค่ะ
ทำไมถึงตัดสินใจเผยหน้าสดออกสื่อ?
คุณสุมณี : บางทีเราตื่นขึ้นมาก็ขี้เกียจนะคะ บางทีคุณใหญ่ก็มาถ่ายบ้าง เขาก็ถ่ายไปเอ้าลงก็ลง กำลังทานน้ำผึ้งกับกล้วยอยู่อะไรอยู่ หน้าก็ยังไม่ได้ล้างเลย ถ่ายก็ถ่ายไปลองดูคนกลับสนุก
สิ่งที่พี่ทานเป็นประเภทไหนยังไง ลองแชร์ให้ฟังหน่อยครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับบางคน?
คุณสุมณี : ทานน้ำผึ้งมานูก้ามาหลายปีแล้ว นมผึ้งวันละช้อนโต๊ะ น้ำมันลูกเดือยค่ะ 3 หยดนะคะ ช่วยเรื่องผิวพรรณด้วยนะคะ น้ำตาลตัดหมดเลย ไม่ทานขนม อย่างมากก็ชิมคำหนึ่ง
พี่มีวิธีคิดยังไงเกี่ยวกับวินัย เพราะหลายคนก็อยากจะมีวินัยกับชีวิต?
คุณสุมณี : ความที่เรากลัวตายนะคะ แล้วก็อยากมีสุขภาพดี สวยงามนะคะ ไม่ต้องพึ่งคนอื่นมาก แก่ตัวลงก็อยากพอที่จะช่วยตัวเองได้อยู่ ไม่งั้นอยู่บนโลกนี้จะมีความสุขอะไร เรายอมลำบากซะในการดูแลตัวเอง ลดความอยากรับประทาน อยากอร่อยอยากอะไรอย่างที่เคยมา
รายได้ที่พี่ได้มาต่อเนื่องในพักหลังคือเรื่องของการมีพื้นที่ให้เช่า ทำที่พักให้คนเช่า และพี่ก็เคยบอกวู้ดดี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วว่าในบรรดาธุรกิจที่จะทำแล้วได้ต่อเนื่องหนึ่งในนั้นคืออสังหาฯ?
คุณสุมณี : ใช่ค่ะ เวลานี้มันก็ยังใช่อยู่ แต่จริงๆ แล้วเราก็ต้องคิดไกลไปหน่อย เพราะเวลานี้มี AI ขึ้นมานะคะ ซึ่งตอนนี้พี่ก็ไปลงทุนชวนลูกลงทุน ถึงอยากอายุยืนไงจะได้ดูความล้ำสมัยต่อไป อยากจะอยู่ให้เห็นเรื่อยๆ
มีอะไรที่พี่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำไหมครับ?
คุณสุมณี : ยังไม่อยากจากไป อยากเห็นอะไรที่มันแปลกๆ ใหม่ๆ ไหนๆ เกิดมาแล้วก็ให้มันเห็นไปเรื่อยๆ
เขาบอกว่าคนที่อยู่ในวัยพี่ก็ค่อยๆ เริ่มจากไปเรื่อยๆ?
คุณสุมณี : ใช่ค่ะ เพื่อนก็ไปกันหลายคนแล้ว มันก็น้อยคนลงนะคะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ก็ไม่ทราบว่าชาติหน้ายังมีจริงหรือเปล่า
หลังๆ ผมไปงานศพก็กลับมาสะท้อนชีวิตตัวเองว่าทุกวันนี้ได้เต็มที่หรือยัง ได้ Clearing หรือยังติดค้างอยู่ สำหรับคุณสุมณีเองก็ไม่ได้มีอะไรติดค้างใช่ไหมครับ?
คุณสุมณี : ค่ะ ถ้ามันจะจำเป็นจริงๆ อะไรทำนองนี้ มันก็ช่วยไม่ได้มันเรื่องของธรรมชาติ ชีวิตแค่ครึ่งวันก็มีค่ามากเลย คุณทำอะไรได้ที่คุณยังไม่ได้ทำ อาจจะได้ทำอีกสักหน่อยอะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นใช้ชีวิตให้เต็มที่เถอะค่ะ โดยที่เราไม่ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะคะ
ย้อนกลับไปสมัยที่ยังเป็นเด็กที่ต้องเผชิญเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 สุดยากลำบาก เคยโดนลอบยิงเฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง?
คุณสุมณี : ตอนนั้น 3 ขวบกว่าก็ตามคุณพ่อไปปีนัง ตอนนั้นคุณพ่อไปเป็นกงสุลใหญ่ที่ปีนัง แล้วก็พอดีเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปีนังในสมัยก่อนอยู่ภายใต้ของอังกฤษ แล้วตอนนั้นอังกฤษกับญี่ปุ่นรบกันไงคะ คือหลุมหลบภัยก็ไม่มีตอนนั้น อยู่ๆ ก็มาบอมบ์ ปีนังแตกหมดเลย ไฟไหม้เต็มไปหมดเลย อาหารก็ไม่มี เพราะว่าตลาดก็ถูกบอมบ์ไฟไหม้ เพราะฉะนั้นก็อดอยู่ 9 วัน 9 คืน แล้วอยู่ในหลุมซึ่งแอบขุดกันเอง แล้วเอาอ่างอาบน้ำมาปิดกันเอาไว้ มีการบอมบ์กันทุก 15 นาทีเลย เวลาเครื่องบินหยุดแม่ครัวก็วิ่งกันไปหุงข้าวมาแบ่งกันก็กินแต่ข้าวเปล่าๆ แล้วดีที่คุณแม่หยิบเอาบิสกิต 1 กระป๋องมาด้วย พอพักคุณแม่ก็เอามาให้พี่ทีละแผ่น ตอนนั้นก็ยังเด็กมาก
โชคดีที่จอมพล ป. ประกาศเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นเราก็เลยรอด คุณพ่อก็เอาธงไทยไปปูที่สนามหน้าบ้าน เขาก็เลยเว้นไม่บอมบ์แล้วก็มีคำสั่งให้ย้ายกลับ แต่ระหว่างทางกลับจากปีนังด้วยรถไฟก็โดนลอบยิงมาตลอดทาง พี่เลี้ยงก็โดนยิงปากฉีกเลย คุณพ่อคุณแม่ก็จับพี่ยัดลงในตะกร้าตุ๊กตา ตอนนั้นผจญภัยมากเลยค่ะ