บมจ.มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกอบธุรกิจพาณิชย์จากการจัดประกวดนางงาม “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ ”มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ตลอดจน การบริหารจัดการศิลปิน และจัดจำหน่ายสินค้าต่างๆพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 14 ธ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,039.50 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MGI”
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MGI” ในวันที่ 14 ธันวาคม 2566
MGI ดำเนินธุรกิจพาณิชย์จากการจัดประกวดนางงาม “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ ”มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ตลอดจน ธุรกิจสื่อและบันเทิง และธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน โดยสินค้าที่บริษัทจำหน่ายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย ผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารเสริม ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ “Miss Grand” “NangNgam” และ MGI และสินค้าที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ไม่ใช่ของบริษัท ในสัดส่วนร้อยละ 75 : 25 ของรายได้จากธุรกิจพาณิชย์ และในงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพาณิชย์ : ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ : ธุรกิจสื่อและบันเทิง : ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน : อื่นๆ ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 41 : 13 : 19 : 23 : 4 ตามลำดับ
MGI มีทุนชำระหลังเสนอขาย 105 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้ลงทุนสถาบัน 45 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 9 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท 6 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 4, 6 และ 7 ธันวาคม 2566 ในราคาหุ้นละ 4.95 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 297 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,039.50 ล้านบาท ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 11.76 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566) เท่ากับ 88.40 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.42 บาท โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย
นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี บริษัทมุ่งมั่นในการยกระดับอุตสาหกรรมการประกวดนางงามทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ให้เป็นเวทีนางงามที่ได้รับกระแสนิยมมากที่สุด ให้มีผู้คนติดตามและมีส่วนร่วมในประสบการณ์ ผ่านสินค้าและบริการจากแบรนด์ของบริษัท ซึ่งสอดคล้องกับสโลแกน “นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์” สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปลงทุนปรับปรุงตกแต่งอาคารสำนักงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าและผลิตรายการทางออนไลน์ พัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท
MGI มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ถือหุ้นร้อยละ 42.86 และ นายรัชพล จันทรทิม ร้อยละ 28.56 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MGI” ในวันที่ 14 ธันวาคม 2566
MGI ดำเนินธุรกิจพาณิชย์จากการจัดประกวดนางงาม “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ ”มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ตลอดจน ธุรกิจสื่อและบันเทิง และธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน โดยสินค้าที่บริษัทจำหน่ายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย ผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารเสริม ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ “Miss Grand” “NangNgam” และ MGI และสินค้าที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ไม่ใช่ของบริษัท ในสัดส่วนร้อยละ 75 : 25 ของรายได้จากธุรกิจพาณิชย์ และในงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพาณิชย์ : ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ : ธุรกิจสื่อและบันเทิง : ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน : อื่นๆ ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 41 : 13 : 19 : 23 : 4 ตามลำดับ
MGI มีทุนชำระหลังเสนอขาย 105 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้ลงทุนสถาบัน 45 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 9 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท 6 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 4, 6 และ 7 ธันวาคม 2566 ในราคาหุ้นละ 4.95 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 297 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,039.50 ล้านบาท ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 11.76 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566) เท่ากับ 88.40 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.42 บาท โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย
นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี บริษัทมุ่งมั่นในการยกระดับอุตสาหกรรมการประกวดนางงามทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ให้เป็นเวทีนางงามที่ได้รับกระแสนิยมมากที่สุด ให้มีผู้คนติดตามและมีส่วนร่วมในประสบการณ์ ผ่านสินค้าและบริการจากแบรนด์ของบริษัท ซึ่งสอดคล้องกับสโลแกน “นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์” สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปลงทุนปรับปรุงตกแต่งอาคารสำนักงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าและผลิตรายการทางออนไลน์ พัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท
MGI มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ถือหุ้นร้อยละ 42.86 และ นายรัชพล จันทรทิม ร้อยละ 28.56 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย