Fund / Insurance

BKI มั่นใจปี 66 กำไรทำสถิติสูงสุดรอบ 76 ปี ปี 67 ตั้งเป้าเบี้ยรับโต 8% จับตาตลาด EV


13 ธันวาคม 2566
คอลัมภ์ Fund BKI มั่นใจปี 66 กำไรทำสถิติสูงสุดรอบ.jpg

กรุงเทพประกันภัย มั่นใจปิดสิ้นปีกำไรเกิน 3 พันล้านบาท คาดปีหน้าเบี้ยรับรวมแตะ 3.24 หมื่นล้านบาท เติบโต 8%  จับตาพอร์ตรถอีวี 


ดร.อภิสิทธิ์  อนันตนาถรัตน  ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI คาดการณ์ว่า ผลงานสิ้นปีนี้ บริษัทน่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมไว้อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิเกินระดับ 3,000 ล้านบาท  ขณะที่ช่วง  9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 21,982 ล้านบาท เติบโต 12.5% และ มีกำไร 2,546 ล้านบาท โดยกำไรระดับดังกล่าวถือว่าทำสถิติสูงสุดตั้งแต่บริษัทเปิดดำเนินการมา 76 ปี

โดยปี 2566 เบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) ของบริษัทเติบโตสูงถึง 14.5% ในขณะที่อุตสาหกรรมโตกว่า 4% เท่านั้น  ส่วนเบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน (IAR) ของบริษัทเติบโตถึง 20% เป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรมฯ รองจากทิพยประกันภัยที่โต 36% เนื่องจากทิพยฯมีพอร์ตงานของกลุ่ม ปตท. ซึ่งมีการขยายการก่อสร้างและการขยายงานที่เติบโตขึ้น

ขณะเดียวกันปีนี้ตลาดประกันภัยต่อทั่วโลกอยู่ในภาวะ Hard Market  ส่งผลให้เบี้ย IAR เติบโตขึ้นเกือบ 20-30% ส่งผลให้บริษัทที่เป็นผู้รับประกันภัยทรัพย์สินรายใหญ่มีเบี้ยส่วนนี้เติบโตเพิ่มขึ้น

สำหรับปี 2567 บริษัทยังคงเชื่อว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเบี้ยรับรวมจะเติบโตขึ้น 8% หรือมีเบี้ยรับรวมแตะระดับ 32,400 ล้านบาท โดยปรัชญาในการบริหารจะต้องสร้างดุลยภาพระหว่างการเติบโตของเบี้ยรับรวมและการสร้างความมั่นคงเข้มแข็งของผลกำไรธุรกิจ
โดยพอร์ตที่จะเป็นตัวผลักดันหลักคือ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพราะเป็นเทรนด์อนาคต โดยปีนี้มียอดรถอีวีจดทะเบียน 100,000 คัน เติบโตขึ้น 10 เท่าจากปีที่แล้ว (ยอดจดทะเบียนแค่ 10,000 คัน) และเชื่อว่าปีหน้าคงจะมีการเติบโตต่อเนื่อง 

สำหรับตลาดรถอีวีสิ่งที่ต้องพิจารณา ได้แก่ หลายบริษัทประกันภัยมองเป็นโอกาสเข้ามาแข่งขันแย่งชิงเค้กก้อนนี้ ซึ่งการแย่งชิงเค้กในตลาดประกันภัยไทยใช้กลไกทางราคา โดยจากข้อมูลตลาดโลกพบว่าเบี้ยประกันรถอีวีในตลาดญี่ปุ่นมีอัตราสูงกว่าเบี้ยประกันรถสันดาป 10-20% และในตลาดอเมริกาสูงถึง 25% แต่ในประเทศไทยเบี้ยรถอีวีจะต่ำกว่าเบี้ยรถสันดาปแล้ว

โดยปัจจุบันอัตราความเสียหายหรือเคลมสินไหม (Loss Ratio) ของรถอีวี ทุกบริษัทมองว่าอยู่ได้ เพราะปีแรก ๆ แค่ระดับ 10-15% แต่ผ่านไป 2 ปี กระโดดขึ้นมาเป็น 40% และปีนี้ลอสเรโชเฉลี่ยของตลาดขึ้นไปเกือบ 60% แล้ว แต่ในความเป็นจริงมองว่าถ้าเบี้ยที่แข่งกันในราคาที่ต่ำ ลอสเรโชไปถึงระดับ 75-80% จะอยู่รอดไม่ได้ เพราะไม่มีกำไรแล้ว เพราะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นอีก 18%
BKI