รวม "ดาวหรี่แสงแห่งปี 2566"

รวม "ดาวหรี่แสงแห่งปี 2566" ปีก่อนสว่างจนแสบตา ปีใหม่มาแสงไม่จ้าเท่าเดิมแล้ว
ความรู้สึกเหมือนเพิ่งส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันไปไม่นาน กระพริบตา 2 ที รู้ตัวอีกที ปี 2566 ก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายซะแล้ว เวลาหมุนเร็วจนน่าใจหาย จริงไหมครับ

ปี 2566 เป็นอีกหนึ่งมีที่มีกระแสข่าวใหญ่มากมายเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน ข่าวใหม่มาแทนที่ข่าวเก่า คนบางคนกลายเป็นเป้าสนใจอยู่นานหลายวัน ก่อนที่จะมีคนใหม่มารับไม้ต่อในไม่กี่วันต่อมา ความสนใจของคนเปลี่ยนไปทุกวัน ประสาอะไรกับเรื่องราวที่ผ่านข้ามปี หลายเรื่องย่อมถูกลืม หรือถูกลดความสำคัญลงไปเป็นเรื่องสัจธรรม

เช่นเดียวกันกับบุคคลในข่าว ที่เมื่อปีกลายอาจจะเป็นที่สนใจของใครมากมายหลายคน แต่พอพ้นผ่านข้ามปี ก็มีคนใหม่ๆ เข้ามาทดแทน “ดาวจรัสแสง” ในปีก่อน ก็อาจจะกลายมาเป็น “ดาวหรี่แสง” ลงไปในปีนี้ และวันนี้ Sanook News จะขอพาทุกท่านไปสำรวจกันหน่อยว่า ในปี 2566 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ มีใครกันบ้างที่กลายมาเป็น “ดาวหรี่แสง” ประจำปี

1. รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
เชื่อว่าแฟนข่าวพอได้เห็นชื่อของผู้ว่าฯ ชัชชาติ ปรากฏอยู่ในรายชื่อดาวหรี่แสงแห่งปี บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยนัก เพราะผลงานของผู้ว่าชัชชาติ ตลอดสองปีที่ผ่านมาก็มีปรากฏให้เห็นไม่น้อย

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโฟกัสหน้าข่าว โดยเฉพาะในเรื่องของการเมืองในปีนี้ สปอตไลต์ไปตกที่การเลือกตั้งทั่วไป และการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มีมหากาพย์ดราม่ากินเวลานานกว่าครึ่งปี นับตั้งแต่เริ่มหาเสียงเลือกตั้ง มาจนถึงวันที่ได้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

นั่นทำให้ชื่อของผู้ว่าฯ ชัชชาติ ในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนักในปีที่ผ่านมา ซ้ำยังมีการตั้งคำถามในบางช่วงว่า ผู้ว่าฯ กทม. ที่กวาดคะแนนถล่มทลายที่สุดในประวัติศาสตร์ มีผลงานที่เห็น้ด่นชัดอะไรบ้าง ซึ่งทางผู้ว่าฯ ชัชชาติเอง ก็เคยออกมาอัดคลิปให้เรียงสิ่งที่ได้จัดการไปแล้วในรอบปีที่ผ่านมา

หากจะบอกว่าในปีนี้เป็นขาลงของผู้ว่าฯ ก็คงไม่สามารถพูดได้เต็มปาก แต่ก็คงต้องบอกว่าไม่ใช่ปีชื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” จะฮิตถล่มทลายเทียบเท่าในปีที่แล้วจริงๆ

2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า หลังการเลือกตั้งใหญ่ 2566 “บิ๊กป้อม” จะเป็นเพียงคนเดียว ที่ได้ตบเท้าเข้าสู่สภาในฐานะ สส. บัญชีรายชื่อของ พรรคพลังประชารัฐ (ที่เหลือเป็นสส.แบบแบ่งเขตทั้งหมด)

แต่ถึงกระนั้น เราก็ได้เห็นบทบาทของบิ๊กป้อมในสภาเพียงไม่นาน มีเพียงการโหวตไม่เห็นชอบ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการอยู่ลงมติครั้งสุดท้ายของเจ้าตัว ก่อนจะหายหน้าหายตาจากสภาไป และไม่ได้ร่วมโหวต "นายเศรษฐา ทวีสิน" เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยซ้ำ

ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า ดีลจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย เกิดรอยร้าวระหว่าง พี่น้อง 2 ป. ลือกันว่า สว.ขั้ว พล.อ.ประยุทธ์ พาเหรดกันยกมือโหวตนายกฯ เศรษฐาแบบพร้อมหน้า ขณะที่ สว.ขั้ว พล.อ.ประวิตร ที่สงวนท่าที มีทั้งไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราก็แทบจะไม่เห็นหน้าของ บิ๊กป้อม ปรากฎตามหน้าสื่อ กระทั่งช่วงปลายเดือน สิงหาคม มีข่าวสะพัดว่า พล.อ.ประวิตร เตรียมจะประกาศลาออกลาออกจากตำแหน่ง สส. รวมทั้งมีข่าวว่าเตรียมจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย

แต่จนถึงปัจจุบัน ชื่อของ พล.อ.ประวิตร ยังคงเป็นทั้ง สส. และหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม แต่แทบจะไม่เห็นเจ้าตัวออกมาเคลื่อนไหวใดๆ จนหลายคนสงสัยว่า “บิ๊กป้อม” หายไปไหน หรือตั้งใจจะวางมือทางการเมืองจริงๆ เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์

3. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ วีรบุรุษนาแก” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้รับเสียงชื่นชม และความนิยมชมชอบจากบรรดาคอการเมืองมากมาย ด้วยบุคลิกตรงไปตรงมา คิดอะไรพูดอย่างนั้น จนถูกยกย่องให้เป็น “คนจริง” ที่กล้าท้าชนทุกคนแบบไม่กลัว เป็นที่มาของวลี “เสรีมีไว้ชน”

แต่ในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสดราม่ามากมายของการข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล ที่ผลักดันให้พรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกล ต้องกลายไปเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปปรากฏตัวอยู่ในโต๊ะแถลงข่าวพรรคร่วมรัฐบาล

ประกอบกับการออกมาให้สัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้ง ที่ทำเอากองเชียร์หลายคน เกิดอาการ “อกหัก”

แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ตนตัดสินใจ ก็เพื่อทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ความนิยมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หรือ ป๊าเสรี ของใครหลายๆ คน มีอันเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย

จนกระทั่งในที่สุด ช่วงปลายเดือนสิงหาคม หลังการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยเสร็จสิ้นลง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ประกาศไขก๊อกตัวเอง ลาออกลาออกจากตำแหน่ง สส. บัญชีรายชื่อ เปิดทางให้ นายมังกร ยนต์ตระกูล ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 2 และเลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย ขยับขึ้นมานั่งเก้าอี้แทน

ยังไม่แน่ชัดว่าบทบาทในทางการเมือง ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ก็นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่เราจะไม่ได้เห็นลีลาการอภิปราย แบบดุดันถึงพริกถึงขิง จาก “วีรบุรุษนาแก“ ในสภาอีกแล้วในสมัยนี้

4. พนิดา ศิริยุทธโยธิน
ชื่อของคุณแม่พนิดา หรือ “คุณแม๊” ของ แตงโม นิดา ดาราสาวผู้ล่วงลับ ปรากฏเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคน ที่ครองพื้นที่สื่ออย่างเหนียวแน่นตลอดปีขาล

แต่หลังจากเรื่องราวทางคดี รวมไปถึงการฟ้องร้อง ยืดเยื้อเรื้อรังข้ามปี มีการเรียกเรียกค่าเสียหายมูลค่ามหาศาลหลายต่อหลายครั้ง และดูเหมือนเรื่องราวมีทีท่าจะจบลงหลายหน แต่สุดท้ายก็พลิกล็อก กลับมาขึ้นโรงขึ้นศาลกันอีกทุกรอบ

ทนายความชื่อดังมากมาย เคยอยู่เคียงข้างคุณแม่พนิดา แต่ปัจจุบันก็ขอสละเรือกันมาหลายคนแล้ว และถึงตอนนี้ คดีความในชั้นศาลก็ยังยังคงมีค้างอยู่อีกหลายคดี

สวนทางกับความสนใจจากแฟนข่าว ที่สะท้อนผ่านช่องคอมเมนต์ใต้ข่าวของคุณแม๊ ไม่ว่าจะในเพจสำนักข่าวไหน ก็มักจะคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ในทำนองเบื่อหน่ายเสียเป็นส่วนใหญ่

นั่นจึงทำให้ชื่อของคุณแม๊ มาปรากฏอยู่ในลิสต์รายชื่อดาวหรี่แสงแห่งปี 2566 ไปโดยปริยาย

ที่มา : https://www.sanook.com/news/9121042/