Wealth Sharing

KBank Private Banking แนะจัดพอร์ตปี 67 เน้นกองทุนผสมกระจายเสี่ยงรับมือศก.โลกชะลอ


15 ธันวาคม 2566
KBank Private Banking แนะจัดพอร์ตเน้นกองทุนผสมกระจายเสี่ยงรับมือศก.โลกโตชะลอ-การเมืองตปท.ยังร้อน

KBank Private Banking แนะจัดพอร์ตปี 67.jpg

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดมุมมองทิศทางการลงทุนในปี 67 ประเมิน 3 แนวโน้มของเศรษฐกิจ ได้แก่ 1) เศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่อได้ แต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยสหรัฐฯ สามารถเลี่ยงภาวะถดถอย ยุโรปค่อยๆ ฟื้นตัว ขณะที่จีนกำลังรอมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม 2) เงินเฟ้อจะลดลง ธนาคารกลางจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 2 หรือครึ่งหลังของปี และ 3) ตลาดจะจับตาประเด็นการเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ รวมทั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
          
พอร์ตการลงทุนที่แนะนำคือ เงินลงทุนส่วนใหญ่ (50-70%) ให้ลงทุนเป็นพอร์ตหลักในกองทุนผสมแบบ Risk-based asset allocation และเงินลงทุนในพอร์ตเสริม (30-50%) ให้กระจายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งพันธบัตรและหุ้นกู้ เพราะดอกเบี้ยรับที่สูงกว่าอดีตและโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นเมื่อดอกเบี้ยในตลาดปรับลดลง 
          
ด้านตลาดหุ้นยังมีความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงควรเน้นกองทุนที่บริหารเชิงรุกในหุ้นเติบโตทั่วโลกและหุ้นเอเชียที่ราคาถูกกดดันมามากทั้งในตลาดหุ้นไทย จีน อินเดีย รวมทั้งเวียดนาม สำหรับ Hedge Funds ที่จะช่วยลดความผันผวนและสร้างผลตอบแทนที่ไม่อิงกับภาวะตลาด ควรเน้นสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลหลัก
          
"ในปี 67 ธนาคารยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการและสานต่อโซลูชัน 4 เสาหลัก ที่ประกอบไปด้วย การลงทุนบนหลักการ Risked-based Asset Allocation การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก การลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ซึ่งเราเชื่อว่าโซลูชันเหล่านี้ ยังคงสอดคล้องกับสภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจ  
         
ความท้าทายคือโซลูชันทั้ง 4 จะสามารถส่งมอบให้เกิดประโยชน์กับลูกค้ามากที่สุดได้อย่างไร เราจะต้องขับเคลื่อนการสื่อสารอย่างไร ให้เกิดประสิทธิภาพและถ่ายทอดความรู้สู่ลูกค้าในวงกว้าง เพื่อเปลี่ยนผ่านชุดความคิดและวิธีการบริหารจัดการทรัพย์สินแบบเดิมๆ โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือการเก็บรักษาและปกป้องให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ไม่ให้สูญมูลค่าไป การวางแผนเพื่อสร้างการเติบโตในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทน และการส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน" นายจิรวัฒน์ กล่าว
          
นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า บริบทการลงทุนในปี 2566 มีแนวโน้มดีขึ้น ตลาดหุ้นโลกปรับตัวสูงขึ้นถึงกว่า 17% โดยได้ปัจจัยสนับสนุนมาจากแนวโน้มการสิ้นสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงด้านความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศยังคงสร้างแรงกดดันอยู่ สำหรับผลตอบแทนของตลาดหุ้นแยกเป็นรายประเทศ พบว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei225) และสหรัฐฯ (S&P500) ปรับตัวสูงขึ้น 30% และ 21% ตามลำดับ 
          
โดยในฝั่งสหรัฐฯ เป็นผลมาจากหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent 7) ที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างดี ในขณะที่ SET Index ของไทยเป็น 1 ในดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดถึงประมาณ - 15% และหากแยกผลตอบแทนเป็นรายสินทรัพย์ พบว่าตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นได้ดีที่สุด รองลงมาเป็นทองคำ ในขณะที่ตราสารหนี้ส่วนใหญ่บวกได้เล็กน้อย ในทางกลับกันการลงทุนในน้ำมันส่งผลลบในปีนี้
                            
"ตลอดปี 66 KBank Private Banking ให้บริการลูกค้าประมาณ 13,000 ราย สินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดประมาณ 9 แสนล้านบาท และจากการส่งมอบโซลูชันบริหารความมั่งคั่งที่ครบวงจร ทำให้ธนาคารได้รับ 13 รางวัล จาก 12 สถาบันระดับสากลทั่วโลกการันตีและตอกย้ำความเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ชั้นนำของประเทศไทยในระดับสากล"