จับประเด็นหุ้นเด่น
สัมภาษณ์พิเศษ : วิสัยทัศน์ Gen3 “พัชรพล เตชะหรูวิจิตร” มั่นใจดันผลงาน ASIA โตแกร่ง
18 ธันวาคม 2566
เปิดวิสัยทัศน์ผู้บริหารบมจ.เอเชีย โฮเต็ล (ASIA) “พัชรพล เตชะหรูวิจิตร” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งนับเป็น Generation ที่ 3 ของตระกูล เตชะหรูวิจิตร ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในภาวะที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เชื่อผลงานปี 67 รายได้เติบโต 10-20% ทะลุ 1,000 ล้านบาท
การบริหารงานใน Generation 3 ของเราจะแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร
จะมีข้อแตกต่างในเรื่องของมุมมองที่ไม่เหมือนกัน โดย Gen2 อาจเข้าถึง Social Media น้อยกว่าคนรุ่นใหม่ การคิดไอเดียใหม่Gen 3 มีไอเดียที่ Active มากกว่า แต่ยังเชื่อว่า คนในGen 2 ยังควรมาควบคุม มาทำงานร่วมกันกับGen 3 เพื่อให้การทำงานเดินต่อไปได้
มองปัจจุบันและปี2567 อะไรเป็นปัจจัยท้าทายและปัจจัยบวกต่อธุรกิจ
ปัจจัยบวก ยังมาจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันท่องเที่ยวจีนยังเดินทางเข้ามาในไทยไม่มาก และนักท่องเที่ยว AEC ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยท้าทาย ปัจจุบันกลุ่มโรงแรมเอเชีย ได้มีการปรับปรุง มีระยะเวลาในการปรับปรุงสินทรัพย์ของเรา โดยปี 2566 มีแผนปรับปรุง โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ ส่วนของล็อบบี้และห้องจัดเลี้ยง และกลางปี 2567 มีแผนที่จะปรับปรุงห้องพัก และต่อไปก็ปรับปรุง โรงแรมเอเชียที่พัทยา
เป้าหมายรายได้ปี 2566 และ 2567 มีแผนอย่างไร
ปี 2566 เทียบกับปี 2565 ธุรกิจโรงแรมนับว่าพึ่งฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด ทำให้รายได้ในปี 2566 ค่อนข้างเติบโตสูงเมื่อเทียบปี 2565 โดยรายเติบโต 40% ส่วนปี 2566 รายได้น่าจะเติบโตแตะที่ 1,000 ล้านบาท ส่วนปี 2567 เราคิดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวยังปรับเพิ่มขึ้นมาก แต่ทางโรงแรมยังมีแผนที่จะปรับปรุงโรงแรมทำให้รายได้เติบโตไม่มาก โดยปี 2567 น่าจะเติบโตได้ 10-20%
จุดเด่นของโรงแรมเราเทียบกับคู่แข่ง
หากเปรียบเทียบโรงแรมในกรุงเทพฯ ข้อแตกต่างของเรามีจุดเด่นในเรื่องของสถานที่ตั้ง ติดรถไฟฟ้า อยู่กลางใจเมือง แต่ถ้าเป็นโรงแรมในเครือแห่งอื่น จุดเด่นจะเป็นในเรื่องของการบริการ เนื่องจากพนักงานของเรามี Turn Over ต่ำ พนักงานของเรามีอายุงานมาก มีใจรักในการบริการ
ลูกค้าของเราปัจจุบันเป็นกลุ่มไหน
แบ่งได้เป็น 2 ส่วน โดยในส่วนก่อนโควิด ลูกค้าหลักเป็นลูกค้าชาวจีนที่เข้ามามีสัดส่วนประมาณ 40-50%
แต่ในช่วงหลังโควิด ลูกค้าปรับเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มลูกค้า AEC มากขึ้น ด้านเวียดนามและมาเลเซียเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก แทนที่ลูกค่าชาวจีนมีสัดส่วน 40-50% ขณะที่ลูกค้าชาวจีนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 20%
สัดส่วนลูกค้าของเราเป็นอย่างไร
ในปี 2566 ลูกค้าคนไทย 20% ลูกค้ากลุ่ม AEC 40% ลูกค้าชาวจีน 20% และส่วนที่เหลือลูกค้าชาวต่างชาติ
งบลงทุนปี 67 เท่าไร
จะเป็นงบลงทุนต่อเนื่องจากปี 2566 ซึ่งในปี 2566 เราวางแผนลงทุนไว้ที่ 250 ล้านบาท ส่วนปี 2567 วางงบลงทุนที่ 250 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงแรมเอเชียพัทยา
ผลที่คาดหวังหลังการปรับปรุงโรงแรมได้สำเร็จ
ในส่วนของโรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ ค่าห้องพักน่าจะปรับเพิ่มขึ้น 30-40% จากเฉลี่ยที่ 1,500 บาท/คืน มาอยู่ที่ 2,000-2,500 บาท/คืน ซึ่งอาจสูงที่สุดในโรงแรมระดับ 4 ดาว
แพลตฟอร์มการจองห้องพักเช่น อโกด้า ส่งผลต่อเราหรือไม่อย่างไร
แพลตฟอร์มจองห้องพักที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทั้ง Agoda และ Booking.com ส่งผลดีต่อเราทำให้เป็นช่องทางในการหาลูกค้าให้กับโรงแรม ทำให้มีความหลากหลายของลูกค้ามากขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากทัวร์ แต่การมีออนไลน์ทำให้ลูกค้ารู้จักโรงแรมมากขึ้น
มองมาตรการหรือแนวทางของรัฐบาลในการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างไร
มองว่ามาตรการของรัฐบาลหรือ Soft Power ที่กำลังโปรโมท เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่น่าสนใจ เช่น เรื่องกางเกงช้าง หรือการกระตุ้นการท่องเที่ยวในแหล่งที่เป็นวัฒนธรรมของไทย
ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงหรือไม่
ในด้านการท่องเที่ยวปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางกลับเข้ามาในประเทศมากขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจโรงแรม ดังนั้นเศรษฐกิจที่อาจชะลอลงจึงยังไม่กระทบต่อธุรกิจโรงแรม และอาจเกิดจากช่วงที่เกิดโควิดคนหยุดการท่องเที่ยวไปนาน ดังนั้นเมื่อมีการเปิดประเทศ ทำให้ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวจึงยังอยู่ในระดับสูง
3 ปีข้างหน้าอยากให้โรงแรมของเราเป็นอย่างไร
หลังการปรับปรุงโรงแรม คาดหวังว่าจะทำให้โรงแรมมีความเป็น Modern มาขึ้นในสายตาของผู้ใช้บริการ เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าหลักของโรงแรมมาจากกลุ่มการสัมมนา ซึ่งจะเป็นหน่วยงานภาครัฐเป็นหลัก ทำให้กำไรที่ได้เยอะมาก แต่หากขยายฐานลูกค้าเป็นกลุ่มเอกชนมากขึ้น จะทำให้การปรับราคาทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้รวมของโรงแรม
การบริหารงานใน Generation 3 ของเราจะแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร
จะมีข้อแตกต่างในเรื่องของมุมมองที่ไม่เหมือนกัน โดย Gen2 อาจเข้าถึง Social Media น้อยกว่าคนรุ่นใหม่ การคิดไอเดียใหม่Gen 3 มีไอเดียที่ Active มากกว่า แต่ยังเชื่อว่า คนในGen 2 ยังควรมาควบคุม มาทำงานร่วมกันกับGen 3 เพื่อให้การทำงานเดินต่อไปได้
มองปัจจุบันและปี2567 อะไรเป็นปัจจัยท้าทายและปัจจัยบวกต่อธุรกิจ
ปัจจัยบวก ยังมาจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันท่องเที่ยวจีนยังเดินทางเข้ามาในไทยไม่มาก และนักท่องเที่ยว AEC ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยท้าทาย ปัจจุบันกลุ่มโรงแรมเอเชีย ได้มีการปรับปรุง มีระยะเวลาในการปรับปรุงสินทรัพย์ของเรา โดยปี 2566 มีแผนปรับปรุง โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ ส่วนของล็อบบี้และห้องจัดเลี้ยง และกลางปี 2567 มีแผนที่จะปรับปรุงห้องพัก และต่อไปก็ปรับปรุง โรงแรมเอเชียที่พัทยา
เป้าหมายรายได้ปี 2566 และ 2567 มีแผนอย่างไร
ปี 2566 เทียบกับปี 2565 ธุรกิจโรงแรมนับว่าพึ่งฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด ทำให้รายได้ในปี 2566 ค่อนข้างเติบโตสูงเมื่อเทียบปี 2565 โดยรายเติบโต 40% ส่วนปี 2566 รายได้น่าจะเติบโตแตะที่ 1,000 ล้านบาท ส่วนปี 2567 เราคิดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวยังปรับเพิ่มขึ้นมาก แต่ทางโรงแรมยังมีแผนที่จะปรับปรุงโรงแรมทำให้รายได้เติบโตไม่มาก โดยปี 2567 น่าจะเติบโตได้ 10-20%
จุดเด่นของโรงแรมเราเทียบกับคู่แข่ง
หากเปรียบเทียบโรงแรมในกรุงเทพฯ ข้อแตกต่างของเรามีจุดเด่นในเรื่องของสถานที่ตั้ง ติดรถไฟฟ้า อยู่กลางใจเมือง แต่ถ้าเป็นโรงแรมในเครือแห่งอื่น จุดเด่นจะเป็นในเรื่องของการบริการ เนื่องจากพนักงานของเรามี Turn Over ต่ำ พนักงานของเรามีอายุงานมาก มีใจรักในการบริการ
ลูกค้าของเราปัจจุบันเป็นกลุ่มไหน
แบ่งได้เป็น 2 ส่วน โดยในส่วนก่อนโควิด ลูกค้าหลักเป็นลูกค้าชาวจีนที่เข้ามามีสัดส่วนประมาณ 40-50%
แต่ในช่วงหลังโควิด ลูกค้าปรับเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มลูกค้า AEC มากขึ้น ด้านเวียดนามและมาเลเซียเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก แทนที่ลูกค่าชาวจีนมีสัดส่วน 40-50% ขณะที่ลูกค้าชาวจีนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 20%
สัดส่วนลูกค้าของเราเป็นอย่างไร
ในปี 2566 ลูกค้าคนไทย 20% ลูกค้ากลุ่ม AEC 40% ลูกค้าชาวจีน 20% และส่วนที่เหลือลูกค้าชาวต่างชาติ
งบลงทุนปี 67 เท่าไร
จะเป็นงบลงทุนต่อเนื่องจากปี 2566 ซึ่งในปี 2566 เราวางแผนลงทุนไว้ที่ 250 ล้านบาท ส่วนปี 2567 วางงบลงทุนที่ 250 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงแรมเอเชียพัทยา
ผลที่คาดหวังหลังการปรับปรุงโรงแรมได้สำเร็จ
ในส่วนของโรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ ค่าห้องพักน่าจะปรับเพิ่มขึ้น 30-40% จากเฉลี่ยที่ 1,500 บาท/คืน มาอยู่ที่ 2,000-2,500 บาท/คืน ซึ่งอาจสูงที่สุดในโรงแรมระดับ 4 ดาว
แพลตฟอร์มการจองห้องพักเช่น อโกด้า ส่งผลต่อเราหรือไม่อย่างไร
แพลตฟอร์มจองห้องพักที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทั้ง Agoda และ Booking.com ส่งผลดีต่อเราทำให้เป็นช่องทางในการหาลูกค้าให้กับโรงแรม ทำให้มีความหลากหลายของลูกค้ามากขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากทัวร์ แต่การมีออนไลน์ทำให้ลูกค้ารู้จักโรงแรมมากขึ้น
มองมาตรการหรือแนวทางของรัฐบาลในการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างไร
มองว่ามาตรการของรัฐบาลหรือ Soft Power ที่กำลังโปรโมท เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่น่าสนใจ เช่น เรื่องกางเกงช้าง หรือการกระตุ้นการท่องเที่ยวในแหล่งที่เป็นวัฒนธรรมของไทย
ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงหรือไม่
ในด้านการท่องเที่ยวปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางกลับเข้ามาในประเทศมากขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจโรงแรม ดังนั้นเศรษฐกิจที่อาจชะลอลงจึงยังไม่กระทบต่อธุรกิจโรงแรม และอาจเกิดจากช่วงที่เกิดโควิดคนหยุดการท่องเที่ยวไปนาน ดังนั้นเมื่อมีการเปิดประเทศ ทำให้ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวจึงยังอยู่ในระดับสูง
3 ปีข้างหน้าอยากให้โรงแรมของเราเป็นอย่างไร
หลังการปรับปรุงโรงแรม คาดหวังว่าจะทำให้โรงแรมมีความเป็น Modern มาขึ้นในสายตาของผู้ใช้บริการ เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าหลักของโรงแรมมาจากกลุ่มการสัมมนา ซึ่งจะเป็นหน่วยงานภาครัฐเป็นหลัก ทำให้กำไรที่ได้เยอะมาก แต่หากขยายฐานลูกค้าเป็นกลุ่มเอกชนมากขึ้น จะทำให้การปรับราคาทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้รวมของโรงแรม