จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ผลงาน NEX โตก้าวกระโดด รับอานิสงส์ส่งรถบรรทุก-กระบะ EV ไปอินโดฯ
18 ธันวาคม 2566
กระแสการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะรถEV เป็นเทรนด์ใหม่ที่ทั่วโลกให้น้ำหนักมากขึ้น สอดรับกับธุรกิจบมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่บุกตลาดรถบรรทุกและรถกระบะ EV ซึ่งผู้บริหารมั่นใจผลงานปีนี้จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ปัจจัยภาวะโลกร้อนตัวกดดันให้ภาคธุรกิจต่างๆต้องปรับตัว โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการขนส่ง หนุนยอดขายรถบรรทุกและรถกระบะ EV ของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ให้เติบโตแข็งแกร่งทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) มั่นใจแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/66 รายได้จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะจะมีการส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้าให้ BYD อีกกว่า 1,000 คัน ซึ่งในไตรมาส 3/66 ไม่ได้มีการส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้าเลย ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานในปี 66 สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าจากตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ให้ความสนใจขอเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้า และคาดว่าน่าจะทยอยมีคำสั่งซื้อภายในไตรมาส 4/66
ซึ่งตอกย้ำแนวคิดดังกล่าว จากกรณีที่ นายประภาศ คงเอียด รองประธานกรรมการ บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 บริษัทได้ลงนามความร่วมมือเบื้องต้น (MOU) กับบริษัท PT Powerspark จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำของประเทศอินโดนีเซีย โดยมี Bambang Soesatyo รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอินโดนีเซียหลายสมัย พร้อมคณะทำงานจากทางอินโดนีเซีย และคณะทูตในประเทศไทย เข้าตรวจสอบและเยี่ยมชมกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ และการผลิตรถบัสขนส่ง ณ โรงงาน AMITA และ ABB พร้อมกับได้ร่วมเป็นสักขีพยาน การลงนามความร่วมมือดังกล่าวระหว่าง TAKUNI กับ PT Powerspark
โดยขอบข่ายความร่วมมือเอ็มโอยูครั้งนี้ บริษัทจะได้รับความไว้วางใจจากบริษัท PT Powerspark ในการเป็นผู้จัดหาและส่งรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าไปยังประเทศอินโดนีเซีย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นไป โดยการส่งออกรถยนต์ล็อตแรก ประกอบด้วยรถบัสไฟฟ้า จำนวน 5,000 คัน รถบรรทุกไฟฟ้า จำนวน 1,000 คัน และรถกระบะไฟฟ้า หรือรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ จำนวน 2,000 คัน โดยการดำเนินการผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) บริษัทลูกของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ในการใช้แบตเตอรี ULTRA FASTCHARGE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของ EA
ซึ่งปัจจุบัน TAKUNI เป็นพันธมิตรกับ NEX โดยเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนในการจัดจำหน่ายและบริการส่งออกรถไฟฟ้าไปยังประเทศมาเลเซียและ อินโดนีเซียอยู่แล้ว
สำหรับโครงการส่งรถยนต์ไฟฟ้าไปอินโดนีเซียครั้งนี้ ประเมินว่า จะมีมูลค่าโครงการ 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับบริษัททาคูนิ กรุ๊ป ในการที่จะรุกธุรกิจส่งออกรถไฟฟ้า โดยเฉพาะเทคโนโลยีจากประเทศไทย เทคโนโลยีและการผลิต เนื่องจากเป็นเมกะเทรนด์ของหลายๆ ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศอินโดนีเซียเองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดโลกร้อน ซึ่งเป็นตามไปข้อตกลงที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีนโยบายให้ประเทศต่างๆ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์สู่การใช้ไฟฟ้าสะอาดเพื่อมุ่งสู่การรักษาสิ่งแวดล้อม โดยทางรัฐบาลอินโดนีเซียก็ได้สนับสนุนให้ความสำคัญนโยบายดังกล่าวอย่างมาก รวม ทั้งประชาชนหันมาใช้รถอีวีกันทั่วประเทศ
ปัจจัยภาวะโลกร้อนตัวกดดันให้ภาคธุรกิจต่างๆต้องปรับตัว โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการขนส่ง หนุนยอดขายรถบรรทุกและรถกระบะ EV ของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ให้เติบโตแข็งแกร่งทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) มั่นใจแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/66 รายได้จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะจะมีการส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้าให้ BYD อีกกว่า 1,000 คัน ซึ่งในไตรมาส 3/66 ไม่ได้มีการส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้าเลย ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานในปี 66 สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าจากตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ให้ความสนใจขอเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้า และคาดว่าน่าจะทยอยมีคำสั่งซื้อภายในไตรมาส 4/66
ซึ่งตอกย้ำแนวคิดดังกล่าว จากกรณีที่ นายประภาศ คงเอียด รองประธานกรรมการ บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 บริษัทได้ลงนามความร่วมมือเบื้องต้น (MOU) กับบริษัท PT Powerspark จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำของประเทศอินโดนีเซีย โดยมี Bambang Soesatyo รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอินโดนีเซียหลายสมัย พร้อมคณะทำงานจากทางอินโดนีเซีย และคณะทูตในประเทศไทย เข้าตรวจสอบและเยี่ยมชมกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ และการผลิตรถบัสขนส่ง ณ โรงงาน AMITA และ ABB พร้อมกับได้ร่วมเป็นสักขีพยาน การลงนามความร่วมมือดังกล่าวระหว่าง TAKUNI กับ PT Powerspark
โดยขอบข่ายความร่วมมือเอ็มโอยูครั้งนี้ บริษัทจะได้รับความไว้วางใจจากบริษัท PT Powerspark ในการเป็นผู้จัดหาและส่งรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าไปยังประเทศอินโดนีเซีย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นไป โดยการส่งออกรถยนต์ล็อตแรก ประกอบด้วยรถบัสไฟฟ้า จำนวน 5,000 คัน รถบรรทุกไฟฟ้า จำนวน 1,000 คัน และรถกระบะไฟฟ้า หรือรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ จำนวน 2,000 คัน โดยการดำเนินการผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) บริษัทลูกของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ในการใช้แบตเตอรี ULTRA FASTCHARGE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของ EA
ซึ่งปัจจุบัน TAKUNI เป็นพันธมิตรกับ NEX โดยเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนในการจัดจำหน่ายและบริการส่งออกรถไฟฟ้าไปยังประเทศมาเลเซียและ อินโดนีเซียอยู่แล้ว
สำหรับโครงการส่งรถยนต์ไฟฟ้าไปอินโดนีเซียครั้งนี้ ประเมินว่า จะมีมูลค่าโครงการ 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับบริษัททาคูนิ กรุ๊ป ในการที่จะรุกธุรกิจส่งออกรถไฟฟ้า โดยเฉพาะเทคโนโลยีจากประเทศไทย เทคโนโลยีและการผลิต เนื่องจากเป็นเมกะเทรนด์ของหลายๆ ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศอินโดนีเซียเองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดโลกร้อน ซึ่งเป็นตามไปข้อตกลงที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีนโยบายให้ประเทศต่างๆ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์สู่การใช้ไฟฟ้าสะอาดเพื่อมุ่งสู่การรักษาสิ่งแวดล้อม โดยทางรัฐบาลอินโดนีเซียก็ได้สนับสนุนให้ความสำคัญนโยบายดังกล่าวอย่างมาก รวม ทั้งประชาชนหันมาใช้รถอีวีกันทั่วประเทศ