จิปาถะ

ครม.ทุ่มงบ 4,900 ลบ. คลอด 3 มาตรการ พักหนี้ SME-หนี้นอกระบบ-รายย่อยจากวิกฤตโควิด


20 ธันวาคม 2566
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ว่า การประชุม ครม.ได้ให้ความเห็นชอบในเรื่องของหนี้สิน คือการพักหนี้เอสเอ็มอี การช่วยเหลือหนี้นอกระบบ ลูกหนี้รายย่อยที่เกิดจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา

ครม.ทุ่มงบ 4,900 ลบ. คลอด 3 มาตรการ.jpg

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.มีมติอนุมัติแนวทางการแก้ไขหนี้ทั้งระบบ ดังนี้ 1.ให้ความเห็นชอบมาตรการ จำนวน 3 มาตรการ ดังนี้ 1.มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) 2.มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ และ 3.มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 2.อนุมัติงบเงินงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผล กระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จำนวน 400 ล้านบาท 2.มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ จำนวน 4,500 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 4,900 ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและรับทราบความคืบหน้าแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ ประกอบด้วย แนวทางแก้ไขหนี้ในระบบ ทั้งลูกหนี้จากธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สถาบันการเงินเฉพาะกิจ กลุ่มลูกหนี้ข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร ตลอดจนกลุ่มที่เป็นหนี้เสียคงค้างกับสถาบันการเงินมาเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ยังมีแนวทางการแก้ไขหนี้นอกระบบที่ที่ธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส.ร่วมสนับสนุน รวมทั้งปรับโครงสร้างระบบการให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ กระทรวงการคลังมั่นใจจะช่วยเหลือประชาชนที่เป็นหนี้ในระบบได้ประมาณ 10.3 ล้านราย และช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบได้ประมาณ 1.6 ล้านราย รวมกว่า 11 ล้านราย แบ่งเบาภาระ หรือตัดจบปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน ช่วยให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมในการจัดการบริหารปัญหาหนี้สิน และได้รับโอกาสในการประกอบอาชีพและมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_4339024
SME