Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 21-12-23


21 ธันวาคม 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 21-12-23

21-12-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ  
 
***จำได้ป่าวว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ๊จิ๋มพูดถึง "อดีตผู้บริหารโบรกเกอร์ไฮโซชื่อดัง" ที่โดนออกหมายจับในคดีเช็คเด้งๆๆๆ หลายใบ..ถ้าจำไม่ได้แนะนำให้ย้อนไปอ่านที่  https://www.share2trade.com/news/23692/-15-12-23 น้องกุมารรายงานเจ๊จิ๋มมาว่า  สาเหตุที่ยังไม่โดนจับเพราะหนีไปต่างประเทศแล้วตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.โน่น!!!!  จากนั้นตอนต้นเดือน ธ.ค.ก้อย้ายไปอยู่อีกประเทศ แว่วๆ มาว่าตอนนี้น่าจะอยู่แถวๆ อังกฤษ  อันนี้เท็จจริงประการใด..เจ๊ไม่ทราบ แต่ที่ทราบแน่ๆ นอกจากหมายจับคดีเช็คเด้งแล้วน๊านนนนน ยังมีอีกหลายคดีรอฟัน! อยู่น่ะ

***นี่ละหนา!!! ที่เค้าว่ากรรมมันติดจรวด ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าอ่ะนะ..ชาตินี้เห็นผลทันตา  ได้ยินมาว่าบุญกับบาป..แยกออกจากกัน ไม่สามารถนำมาหักกลบลบหนี้กันได้ ต่อให้ทำบุญมากแค่ไหนก้อไม่อาจลบล้างกับบาปหนักที่ทำเวรกรรมกับนักลงทุนรายย่อยเอาไว้เยอะมาก!!  ทั้งเรื่องเช็ค ทั้งเรื่องหุ้น ประเดประดังเข้ามา ถึงเวลาโดนเช็คบิล! 

***อีกเรื่องที่ร้อนแรงสุดๆ และเป็นที่จับตามองของวงการตลาดทุนคือการเปิดศึกระหว่าง "ประเดช" กับกลุ่ม "เจ๊หมวย-ศิริญา" จากครั้งก่อนที่ขอเปิดประชุมวิสามัญฯ โดยใช้มาตรา 100 ล่าสุดมีรายงานจากศาลแพ่งว่า ศาลได้ประทับรับฟ้องคดีหมายเลขดำที่ พ.6055/2566 ที่มีกลุ่มกรรมการบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ได้แก่ นายประเดช กิตติอิสรานนท์ และพวก รวม 6 คน ยื่นฟ้อง NUSA และกรรมการที่เหลือ 7 คน ที่มอบอำนาจให้กรรมการบริหารจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทรวม 6 รายการ คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

***ในคำฟ้องระบุว่าการสนับสนุนให้ขายทรัพย์สิน โดยลงมติในการประชุมคณะกรรมการ NUSA เป็นการกระทำละเมิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (ฉบับแก้ไข) เรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญของบริษัท เพราะการจำหน่ายสินทรัพย์ของ NUSA มูลค่ารวมมากกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงเกือบ 70% ของทรัพย์สินทั้งหมดของ NUSA ที่มีมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท โดยไม่มีแผนรองรับที่ชัดเจน ย่อมกระทบต่อธุรกิจ และประเภทธุรกิจที่ NUSA ดำเนินการอยู่อย่างแน่นอน หากจะดำเนินการขายได้ตามกฎหมาย ต้องได้รับมติเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น

***ดังนั้นจึงร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการดังกล่าว และสั่งห้ามไม่ให้กรรมการอนุมัติให้ขายทรัพย์สินทั้ง 6 รายการต่อไปอีก จนกว่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเสียก่อน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีเกือบ 1 หมื่นราย และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

***สำหรับรายชื่อผู้ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในคดีนี้ ประกอบด้วย 1.นายประเดช กิตติอิสรานนท์ 2.นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ 3.นายไพโรจน์ ศิริรัตน์ 4.นายมานพ ถนอมกิตติ 5.นายนพพล มิลินทางกูร และ 6.นายชาติชาย พยุหนาวีชัย

***ส่วนจำเลยทั้ง 8 ราย ในคดีนี้ ประกอบด้วย 1.บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) 2.นายวิษณุ เทพเจริญ 3.นายสมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์ 4.นางศิริญา เทพเจริญ 5.นายสมคิด ศริ 6.นางสิรินงคร์นาถ เพรียวพานิช 7.นายพิบูลย์ วรวรรณปรีชา และ 8.นายธีรธัช โปษยานนท์

***มาถึงเรื่องที่ ครม. มีมติอนุมัติมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV 3.5) ในช่วงเวลา 4 ปี (2567-2570) เพื่อส่งเสริมให้อุตฯ ยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวต่อเนื่อง และ ผลักดันไทยก้าวไปสู่การเป็นฐานผลิตชั้นนําของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค มาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ ไฟฟ้า  เรื่องนี้เซียนหุ้นมองว่าเป็นบวกทางอ้อมต่ออุตฯ EV ในประเทศ  และจะเร่งให้ผู้ผลิตแบตเตอร์รี่ อย่าง GPSC, EA มีโอกาสที่จะเร่งการขยายกําลังการผลิตแบตเตอร์รี่ในอนาคต

***ส่วนเซียนหุ้นอีกค่ายบอกว่าแพ็คแกจ EV 3.5 เคาะเงินอุดหนุนปี 67-70 รถยนต์และรถกระบะสูงสุด 100,000 บาท/คัน รถจักรยานยนต์ 10,000 บาท/คัน ครอบคลุมปี 2567-2570 แต่ต้องผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าภายในปี 2566 บวกต่อกลุ่มนิคม AMATA, WHA, PIN กลุ่มโลจิสติกส์ SJWD, MENA, WICE, NYT, ASAP กลุ่มชิ้นส่วน KCE, DELTA 

***แล้วราคาน้ำมัน..ก้อขยับจริงๆ  เป็นเพราะความกังวล Supply Shortage หยุดการขนส่งน้ำมันผ่าน “ทะลเแดง” เพราะความไม่สงบจาก “กองกำลังฮูตี" ถ้าราคาน้ำมันขยับ..ก้อส่งผลบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อย่าง  PTT - PTTEP