Wealth Sharing
EXIM BANK ชูโมเดล “Green Development” ขยายพอร์ตสินเชื่อหนุนธุรกิจสีเขียว-อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล
21 ธันวาคม 2566
EXIM BANK ชูโมเดล “Green Development” ขยายพอร์ตสินเชื่อ สนับสนุนธุรกิจสีเขียวและอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล พัฒนาอุตสาหกรรมสู่อนาคต ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
![EXIM BANK ชูโมเดล “Green Development”.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/211223/EXIM%20BANK%20%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A5%20%E2%80%9CGreen%20Development%E2%80%9D.jpg)
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวในงาน “EXIM Green Wishes Market” จัดโดย EXIM BANK เพื่อส่งความสุขในโอกาสต้อนรับปีใหม่ 2567 ให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะ SMEs และกลุ่มเปราะบางในชุมชน
โดยยอมรับว่า ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกยังทวีความรุนแรงขึ้น สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังค่อนข้างวิกฤต ทุกภาคส่วนในระดับประเทศและระดับโลกจึงต้องพยายามแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกร่วมกัน ซึ่งธนาคารเพื่อการพัฒนา (Development Banks) ทั่วโลก รวมถึง EXIM BANK มีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนให้แก่ภาคธุรกิจมากถึง 1 ใน 3 ของมูลค่า Climate Finance โลก
โดย EXIM BANK ได้พัฒนาเครื่องมือทางการเงินที่สนับสนุนโครงการหรือธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) เพื่อลดการปล่อยก๊าซ CO2 ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกประเภทหนึ่ง สู่ชั้นบรรยากาศโลก คาดว่าพอร์ตสินเชื่อที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ EXIM BANK ณ สิ้นปี 2566 จะอยู่ที่ราว 61,500 ล้านบาท หรือ 35% ของสินเชื่อคงค้างรวมของธนาคาร
นับแต่เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 2537 จนถึงปัจจุบัน EXIM BANK ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปปักหมุดธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศรวมแล้วกว่า 400 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตกว่า 8,800 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 100 ล้านตัน สร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 578,300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังพัฒนาสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น สินเชื่อ Solar Orchestra และ EXIM Solar D-Carbon Financing ที่ไม่เพียงให้เงินทุน แต่ยังช่วยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตให้แก่ผู้ประกอบการ รวมถึงสินเชื่อ EXIM Green Start ดอกเบี้ยอัตราพิเศษสำหรับ SMEs หรือคนตัวเล็กที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว และในปี 2567 EXIM BANK มีแผนจะออกพันธบัตร Blue Bond เป็นครั้งแรก เพื่อขับเคลื่อน Blue Economy ดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลให้เป็นแหล่งการจ้างงานและแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนของประชากรหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่ง Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) คาดการณ์ว่า มูลค่าเศรษฐกิจทางทะเลของโลกจะสูงขึ้นแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 20 ปีก่อน ขณะที่ผืนน้ำและมหาสมุทรช่วยผลิตก๊าซออกซิเจน (O2) บนโลกมากถึง 50% ช่วยดูดซับความร้อนจากกิจกรรมมนุษย์ถึง 90% ดูดซับก๊าซ CO2 กว่า 25% ทำให้การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ขององค์การสหประชาชาติ แต่การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวต้องใช้เงินลงทุนสูงถึงราว 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขณะที่ในช่วงปี 2558-2562 มีเงินลงทุนจริงไม่ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เท่ากับว่ายังมีช่องว่างของเงินลงทุนเหลืออยู่มากถึงเกือบ 1.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 1 ใน 3 ของ GDP ไทย
ดร.รักษ์ กล่าวว่า ในปี 2567 EXIM BANK จะนำโมเดล “Green Development” ไปใช้พัฒนาองค์กรและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการประหยัดพลังงานและเดินหน้าสู่องค์กรสีเขียว องค์กรจะสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนผ่านการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG เร่งยกระดับธุรกิจไทยให้เข้าสู่ ESG Supply Chain ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและการจ้างงานในอุตสาหกรรมสู่อนาคต อาทิ S-Curve ธุรกิจบริการ Soft Power และเกษตรแปรรูป โดยสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและเทรนด์โลก สานพลังกับพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุน SMEs ไทยสู่เวทีโลกด้วยความพร้อมด้านความรู้ โอกาส เงินทุน และเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รวมทั้งคนตัวเล็กและกลุ่มเปราะบางในชุมชนและสังคม
EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573 และ Net Zero Emissions ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปีและ 15 ปีตามลำดับ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2571 ท่ามกลางความท้าทายของทิศทางอัตราแลกเปลี่ยน การกลับทิศของนโยบายการเงิน แนวโน้มเศรษฐกิจในตลาดการค้าหลัก รวมถึงความไม่แน่นอนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการค้าเป็นระลอก อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกจะกลับมาหนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้ โดยมุ่งเน้นสินค้าไทยที่เกาะกระแสเทรนด์โลก เช่น สินค้าเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว สินค้าเทคโนโลยีและดิจิทัล สินค้ารักษ์โลก
![EXIM BANK ชูโมเดล “Green Development”.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/211223/EXIM%20BANK%20%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A5%20%E2%80%9CGreen%20Development%E2%80%9D.jpg)
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวในงาน “EXIM Green Wishes Market” จัดโดย EXIM BANK เพื่อส่งความสุขในโอกาสต้อนรับปีใหม่ 2567 ให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะ SMEs และกลุ่มเปราะบางในชุมชน
โดยยอมรับว่า ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกยังทวีความรุนแรงขึ้น สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังค่อนข้างวิกฤต ทุกภาคส่วนในระดับประเทศและระดับโลกจึงต้องพยายามแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกร่วมกัน ซึ่งธนาคารเพื่อการพัฒนา (Development Banks) ทั่วโลก รวมถึง EXIM BANK มีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนให้แก่ภาคธุรกิจมากถึง 1 ใน 3 ของมูลค่า Climate Finance โลก
โดย EXIM BANK ได้พัฒนาเครื่องมือทางการเงินที่สนับสนุนโครงการหรือธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) เพื่อลดการปล่อยก๊าซ CO2 ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกประเภทหนึ่ง สู่ชั้นบรรยากาศโลก คาดว่าพอร์ตสินเชื่อที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ EXIM BANK ณ สิ้นปี 2566 จะอยู่ที่ราว 61,500 ล้านบาท หรือ 35% ของสินเชื่อคงค้างรวมของธนาคาร
นับแต่เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 2537 จนถึงปัจจุบัน EXIM BANK ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปปักหมุดธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศรวมแล้วกว่า 400 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตกว่า 8,800 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 100 ล้านตัน สร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 578,300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังพัฒนาสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น สินเชื่อ Solar Orchestra และ EXIM Solar D-Carbon Financing ที่ไม่เพียงให้เงินทุน แต่ยังช่วยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตให้แก่ผู้ประกอบการ รวมถึงสินเชื่อ EXIM Green Start ดอกเบี้ยอัตราพิเศษสำหรับ SMEs หรือคนตัวเล็กที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว และในปี 2567 EXIM BANK มีแผนจะออกพันธบัตร Blue Bond เป็นครั้งแรก เพื่อขับเคลื่อน Blue Economy ดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลให้เป็นแหล่งการจ้างงานและแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนของประชากรหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่ง Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) คาดการณ์ว่า มูลค่าเศรษฐกิจทางทะเลของโลกจะสูงขึ้นแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 20 ปีก่อน ขณะที่ผืนน้ำและมหาสมุทรช่วยผลิตก๊าซออกซิเจน (O2) บนโลกมากถึง 50% ช่วยดูดซับความร้อนจากกิจกรรมมนุษย์ถึง 90% ดูดซับก๊าซ CO2 กว่า 25% ทำให้การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ขององค์การสหประชาชาติ แต่การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวต้องใช้เงินลงทุนสูงถึงราว 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขณะที่ในช่วงปี 2558-2562 มีเงินลงทุนจริงไม่ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เท่ากับว่ายังมีช่องว่างของเงินลงทุนเหลืออยู่มากถึงเกือบ 1.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 1 ใน 3 ของ GDP ไทย
ดร.รักษ์ กล่าวว่า ในปี 2567 EXIM BANK จะนำโมเดล “Green Development” ไปใช้พัฒนาองค์กรและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการประหยัดพลังงานและเดินหน้าสู่องค์กรสีเขียว องค์กรจะสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนผ่านการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG เร่งยกระดับธุรกิจไทยให้เข้าสู่ ESG Supply Chain ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและการจ้างงานในอุตสาหกรรมสู่อนาคต อาทิ S-Curve ธุรกิจบริการ Soft Power และเกษตรแปรรูป โดยสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและเทรนด์โลก สานพลังกับพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุน SMEs ไทยสู่เวทีโลกด้วยความพร้อมด้านความรู้ โอกาส เงินทุน และเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รวมทั้งคนตัวเล็กและกลุ่มเปราะบางในชุมชนและสังคม
EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573 และ Net Zero Emissions ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปีและ 15 ปีตามลำดับ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2571 ท่ามกลางความท้าทายของทิศทางอัตราแลกเปลี่ยน การกลับทิศของนโยบายการเงิน แนวโน้มเศรษฐกิจในตลาดการค้าหลัก รวมถึงความไม่แน่นอนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการค้าเป็นระลอก อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกจะกลับมาหนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้ โดยมุ่งเน้นสินค้าไทยที่เกาะกระแสเทรนด์โลก เช่น สินค้าเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว สินค้าเทคโนโลยีและดิจิทัล สินค้ารักษ์โลก