วันคริสต์มาส (Christmas) หรือ วันสมโภชพระคริสตสมภพ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู นับเป็นวันหยุดทางศาสนา มีวัฒนธรรมของประชากรหลายพันล้านคนทั่วโลกนิยมจัดการเฉลิมฉลองในวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งในวันดังกล่าวจะเน้นปีพิธีกรรมของคริสต์ศาสนิกชนเป็นสำคัญ วันคริสต์มาส เป็นวันปิดเทศการเตรียมการรับเสด็จ (Advent) และวันเริ่มต้นเทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide) ทั้งสิ้น 12 วัน อีกทั้ง วันคริสต์มาสก็เป็นวันหยุดราชการในหลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงมีผู้ที่ไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชนก็หันมาเฉลิมฉลองกันมากขึ้น
ก่อนถึงวันคริสต์มาส
คริสต์มาสอีฟ (Christmas Eve) นับเป็นวันเริ่มแรกก่อนเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส หากดูจากฝั่งตะวันตกโดยทั่วไปจะตรงกับวันที่ 24 ธันวาคมของทุกปีตามแบบระบบปฏิทินสมัยใหม่ โดยคริสต์มาอีฟ มีความหมาย คือ เย็นแรกของวันคริสต์มาส ในวันนี้จะมีการเฉลิมฉลองเพื่อระลึกถึงการประสูติของพระเยซู
*ประวัติวันคริสต์มาส
วันคริสต์มาส เป็นวันเฉลิมฉลองการมาประสูติของพระเยซูผู้เป็นศาสดาของชาวคริสต์ทั่วโลก นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันเฉลิมฉลองที่มีความสำคัญและมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะชาวคริสต์ถือว่า พระเยซู มิได้เป็นแต่เพียงมนุษย์ธรรมดาๆ ที่เกิดมาเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุดและมีพระธรรมชาติเป็นพระเจ้าและเป็นมนุษย์ในพระองค์เอง การบังเกิดของพระองค์จึงเป็นเหตุการณ์พิเศษที่เหมือนกับการเกิดใดๆ และไม่มีใครเหมือน
เมื่อครั้งประสูติพระเยซูเจ้า เวลานั้น จักรพรรดิออกัสตัสได้รับสั่งให้ราษฎรทุกคนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรโรมันไปลงทะเบียนสำมะโนประชากร โยเซฟและมารีย์ที่มีครรภ์แก่จึงต้องเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮมอันเป็นเมืองที่กษัตริย์ดาวิดประสูติ เมื่อถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดบุตร เธอก็ได้คลอดบุตรชายหัวปี เธอได้เอาผ้าพันกายพระกุมารจากนั้นก็วางไว้ในางหญ้า เนื่องจากตามโรงแรมไม่มีที่พัก ในคืนนั้น ฑูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ปรากฏแก่พวกเลี้ยงแกะ คนเหล่านั้นตกใจกลัวมาก แต่ฑูตสวรรค์ก็ได้ปลอบไปป่า “อย่ากลัวไปเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอก คืนนี้เองในเมืองของกษัตริย์ดาวิดมีพระผู้ช่วยให้รอดประสูติ พระองค์นั้นเป็นพระคริสต์พระเป็นเจ้า นี่จะเป็น หลักฐานให้พวกท่านแน่ใจ คือ พวกท่านจะพบพระกุมารมีผ้าพันกาย นอนอยู่ในรางหญ้า” ทันใดนั้นก็มีฑูตสวรรค์อีกมากมายร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าว่า “Gloria in Excelsis Deo ขอเทิด พระเกียรติพระเจ้าผู้สถิตย์ในสวรรค์ชั้นสูงสุด สันติสุขบนพิภพจงเป็นของผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย”
วันคริสต์มาส คือ วันที่ฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า โดยนิยมเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี คำว่า คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maessse แปลว่า การบูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เนื่องจากว่าการร่วมพิธีมิสซาเป็นประเพณีที่สำคัญที่สุดของชาวคริสต์ที่ถือปฏิบัติกันในวันคริสต์มาส ฉะนั้น คำว่า คริสต์มาส จึงเป็นคำอวยพรให้รับสันติสุขและความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ส่วนในภาษาไทยใช้อวยพระด้วยประโยคว่า สุขสันต์วันคริสต์มาส Merry Christmas สำหรับวันที่พระเยซูประสูติจริงๆ นั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ได้คะเนเอาไว้ว่าราว 2 ปี ก่อน ค.ศ. และ ค.ศ. 7 ในช่วงต้นถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 4
ศาสนาคริสต์ตะวันตกได้กำหนดให้วันคริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งต่อมาศาสนาคริสต์ตะวันออกได้รับเอาวันดังกล่าวไปด้วย โดยมีทฤษฎีที่อธิบายว่า เหตุผลที่เลือกวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองคริสตสมภพนั้น เพราะเป็นระยะเวลา 9 เดือนพอดีภายหลังจากที่คริสต์ศาสนิกชนสมัยแรกเฉลิมฉลองวันพระแม่รับสาร หรือตรงกับวันเหมายันของโรมัน หรือตรงกับช่วงเทศกาลฤดูหนาวเพเกินโบราณ เพื่อยุติการเฉลิมฉลองในเทศกาลเหล่านั้น จึงแทนที่ด้วยการเฉลิมฉลองของคริสต์ศาสนิกชน
*ความสำคัญของวันคริสต์มาส
วันคริสต์มาส เป็นวันที่มีความสำคัญวันหนึ่งในศาสนาคริสต์ มิได้เป็นวันสำคัญฝ่ายร่างกาย หรือจัดงานสังสรรค์รื่นเริงซึ่งเป็นแต่เพียงเปลือกนอกของการเฉลิมฉลองคริสต์มาสเท่านั้น แต่แก่นแท้ของวันคริสต์มาสอยู่ที่ความรักของพระเจ้าที่มีต่อโลกมนุษย์ หมายถึง พระเจ้าทรงรักมนุษย์มากเสียจนยอมส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีเนื้อหนังมังสา นามว่า เยซู นับว่าการที่พระเจ้าได้ถ่อมองค์และเกียรติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ นั่นก็เพื่อช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการเป็นทาสของความชั่วและบาปต่างๆ ฉะนั้นความสำคัญของวันคริสต์มาสจึงอยู่ที่การเฉลิมฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อโลกมนุษย์อย่างเป็นจริงเป็นจัง และได้เห็นตัวตนในพระเยซูคริสต์ที่มาเกิดเป็นมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น
*การเฉลิมฉลองในวันคริสต์มาส
วันคริสต์มาส เป็นเทศกาลหลักและวันหยุดราชการในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่มิใช่คริสต์ศาสนิกชนอีกด้วย ในบางประเทศที่ไม่ได้เป็นคริสต์ ประเทศเหล่านี้ได้มีการรับเอาเทศกาลคริสต์มาสเข้ามาระหว่างที่ถูกปกครองเป็นอาณานิคม อย่าง ฮ่องกง ส่วนในประเทศอื่นประชากรก็ค่อยๆ รับเอาการเฉลิมฉลองของคริสต์ศาสนิกชนกลุ่มน้อย หรืออิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างประเทศมาหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ก็กลายเป็นประเทศที่เทศกาลคริสต์มาสได้รับความนิยม ถึงแม้ว่าจะมีคริสต์ศาสนิกชนน้อย แต่ก็ได้รับเอาคริสต์มาสส่วนที่เป็นฆราวาสมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การให้ของขวัญ การประดับตกแต่ง รวมถึงต้นคริสต์มาส นอกจากนั้นก็ยังมีประเทศที่ไม่ได้กำหนดให้วันคริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการ อาทิ สาธารณะรัฐประชาชนจีน ยกเว้น ฮ่องกง และมาเก๊า ญี่ปุ่น อัลจีเรีย ไทย เนปาล อิหร่าน ตุรกี และเกาหลีเหนือ เป็นต้น การเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสต์มาสอาจมีรูปแบบที่แตกต่างกันทั่วโลกซึ่งสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละชาติได้อย่างชัดเจนมาก
ในกลุ่มประเทศที่มีประเพณีแบบคริสต์มั่นคง การเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสต์มาสก็ได้รับการปรับปรุงจนกระทั่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในแต่ละถิ่น แต่ละภูมิภาค สำหรับคริสต์ศาสนิกชนแล้ว การเข้าร่วมศาสนพิธีถือเป็นส่วนสำคัญในการยอมรับเทศกาลดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นคริสต์มาส เทศกาลอีสเตอร์ ก็เป็นช่วงที่มีผู้คนเข้าโบถส์มากที่สุดในแต่ละปี ส่วนในประเทศคาทอลิก ประชากรจะจัดการเดินขบวนทางศาสนา หรือขบวนแห่ก่อนคริสต์มาส และในประเทศอื่นๆ ก็ได้มีการจัดการเดินขบวนฆราวาส หรือขบวนแห่ที่นำเอาซานตาคลอส และบุคคลสัญลักษณ์ของเทศกาลอื่นๆ ที่มักจัดขึ้นบ่อยครั้งมานำเสนอ อีกทั้งการรวมญาตและการแลกของขวัญก็ได้กลายมาเป็นลักษณะเด่นของเทศกาลอย่างกว้างขวาง ประเทศส่วนใหญ่มีประเพณีการให้ของขวัญ ส่วนวันอื่นที่มีการแลกของขวัญ ได้แก่ วันนักบุญนิโคลัส ตรงกับวันที่ 6 ธันวาคม และการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ ตรงกับวันที่ 6 มกราคม
*ซานตาคลอส
ตัวจริงของซานตาคลอส คือ นักบุญนิโคลัส เป็นบาทหลวงชาวตุรกีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความใจดี โดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อมา ท่านเป็นรู้จักอย่างกว้างขวางทั่วทั้งฮอลแลนด์ในชื่อ ซินเตอร์คลาส ในช่วงราว ค.ศ. 1870 ชาวอเมริกันได้เรียกชื่อผิดเพี้ยนไปเป็น ซานตาคลอส ตั้งแรกจนถึง ค.ศ. 1890 ภาพของซานตาคลอสเป็นชายร่างผอมสูงสวมชุดสีเขียว หรือน้ำตาลสลับแดง ต่อมา เจนนี ไนสตรอม ศิลปินชาวสวีเดน ได้เป็นผู้คิดค้นรูปลักษณ์ของซานตาครอสในแบบที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน โดยเธอวาดภาพลงในบัตรอวยพระคริสต์มาส จากนั้นภาพนี้ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เมื่อชาวสวีเดนอีกคนที่ชื่อ แฮดดอน ซันด์บลอม นำภาพวาดของไนสตรอมสวมชุดขาว
ที่มา : http://event.sanook.com/day/christmas/