Talk of The Town
CHO เดินหน้าขยายตลาด EV-Bus พร้อมบริการหลังการขาย เพิ่มตัวแทนจำหน่ายรถทั่วประเทศ ดันยอดขาย
25 ธันวาคม 2566
![งานลูกค้า CHO เดินหน้าขยายตลาด EV-Bus พร้อมบริกา.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/December/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%20CHO%20%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%20EV-Bus%20%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2.jpg)
ตามที่บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน)(CHO) ได้ลงนามสัญญากับบริษัท อันฮุย อันไค ออโตโมบิล (Anhui Ankai Automobile) บริษัทมหาชนผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของจีน ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถบัสไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันมีบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถชั้นนำหลายราย ติดต่อขอเข้าร่วมเป็นพันธมิตรและเป็นตัวแทนจำหน่ายในส่วนภูมิภาค อาทิ เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสาน และ ภาคกลาง เป็นจำนวนมากกว่า 20 บริษัท ซึ่งบริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยพิจารณาความพร้อมด้านบริการหลังการขาย และความพร้อมในการให้บริการครบวงจรแก่ลูกค้า เป็นสำคัญ
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ EV ทั้งรูปแบบนำเข้ารถบัสไฟฟ้าทั้งคัน และนำเข้าชิ้นส่วนรถบัสไฟฟ้าจากจีนเพื่อประกอบในประเทศแบบ Semi-Knocked Down Kit (SKD) และรวมถึงให้บริการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ EV-Bus ครบวงจร การเพิ่มตัวแทนจำหน่ายจะทำให้เปิดช่องทางการขาย และการบริการหลังการขายให้กับลูกค้าหรือผู้สนใจในการซื้อรถบัสไฟฟ้าของบริษัทฯ ซึ่งมีจุดเด่นในด้านตัวถังรถยนต์ที่ใช้วัสดุทนทานและมีน้ำหนักเบาทำให้ประหยัดพลังงานและ ประกอบกับการใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีอายุการใช้งานมากกว่าแบบนิเกล-แคมเมียม (NiCd) ถึง 3 เท่า พร้อมให้กำลังขับเคลื่อนสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มทำงานจนเสร็จสิ้นการทำงาน ทำให้รถบัสไฟฟ้ายี่ห้อนี้มีชื่อเสียงด้านความทนทานและประหยัดค่าใช้จ่ายพลังงานที่ถูกว่ารถบัสแบบเดิม อีกทั้งยังช่วยลดมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อมจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะเริ่มขยายตลาด EV-Bus จากพันธมิตรธุรกิจที่มีอยู่ในต้นปี 2567 และตั้งเป้าหมายลูกค้ากลุ่มบริษัทขนส่งเชิงพาณิชย์เป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายที่จะทำส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่าร้อยละ 10-15 ของตลาดรถโดยสารไฟฟ้าในประเทศไทยภายในปี 2567