บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล หรือ PRINC โดยโรงพยาบาลพิษณุเวช ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จับมือ ’โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช‘ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งต่อผู้รับบริการเพื่อรับการตรวจสวนหัวใจ การขยายหลอดเลือดหัวใจ ด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด โดย นายแพทย์สมคิด อุดมกิจมงคล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิษณุเวช กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า โรงพยาบาลพิษณุเวช โรงพยาบาลเอกชนในภาคเหนือตอนล่างระดับตติยภูมิ (Tertiary Care) มีศักยภาพในการรักษาโรคยากซับซ้อนในหลายสาขา โดยเฉพาะโรคหัวใจ ด้วยการให้บริการห้องปฏิบัติการตรวจหัวใจและการฉีดสีสวนหลอดเลือดหัวใจ (Cath Lab) พร้อมดูแลรักษาคนไข้ในเขตภาคเหนือ ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง ครอบคลุมทุกสาขาและทีมสหสาขาวิชาชีพ พร้อมด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย
“นอกจากนี้ โรงพยาบาลพิษณุเวช ยังมีศูนย์การรักษาโรคแบบครบองค์รวม ได้แก่ ศูนย์หัวใจ ศูนย์โรคระบบประสาทและสมอง ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์มะเร็งพิษณุเวชฮอไรซัน ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ฯลฯ ซึ่งตลอด 41 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและขยายบริการทางการแพทย์อย่างไม่หยุดยั้ง ร่วมดูแลผู้รับบริการทั้งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง โดยมุ่งมั่นสู่ฮับการแพทย์อันดับ 1 ในพื้นที่ภาคเหนือ ในการดูแลคนไข้ครบองค์รวม (Advanced Patient Care) และมุ่งหวังในการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลรัฐ พร้อมร่วมกับรพ.ตากสินมหาราชเดินหน้าดูแลผู้ป่วย โดยรพ.พิษณุเวชพร้อมช่วยเหลือสนับสนุนทั้งรพ.รัฐและเอกชนเพื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็วและบริการที่ดี โดยเริ่มบริการส่งต่อผู้ป่วยโรคหัวใจตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. นี้เป็นต้นไป” นพ.สมคิดกล่าว
ขณะที่ นพ.บรรเจิด นนทสูติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กล่าวว่า โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพการให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือในการส่งต่อผู้รับบริการเพื่อรับการตรวจสวนหัวใจ การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด กับรพ.พิษณุเวช ในครั้งนี้ เนื่องจากเห็นโอกาสและศักยภาพของรพ.พิษณุเวช ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่มีความพร้อม ทั้งในด้านบุคลากรการแพทย์ อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ รวมทั้งห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในพื้นที่ภาคเหนือ
“การขยายความร่วมมือดังกล่าวจะนำมาซึ่งประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้รับบริการเป็นหลัก เพื่อให้ได้รับการรักษาที่รวดเร็วทันท่วงที ลดความแออัด ลดอัตราความสูญเสีย และยังช่วยลดงบประมาณด้านสาธารณสุขในระยะยาวลงได้” นพ.บรรเจิดกล่าว
โอกาสนี้โรงพยาบาลพิษณุเวช ยังได้บริจาคเงินจำนวน 50,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเพื่อใช้ในด้านสาธารณะประโยชน์ ตามปณิธานของเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ที่มุ่งสร้างคนที่มีจิตใจของความเป็นผู้ให้ เพื่อร่วมดูแลคน ชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป
“นอกจากนี้ โรงพยาบาลพิษณุเวช ยังมีศูนย์การรักษาโรคแบบครบองค์รวม ได้แก่ ศูนย์หัวใจ ศูนย์โรคระบบประสาทและสมอง ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์มะเร็งพิษณุเวชฮอไรซัน ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ฯลฯ ซึ่งตลอด 41 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและขยายบริการทางการแพทย์อย่างไม่หยุดยั้ง ร่วมดูแลผู้รับบริการทั้งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง โดยมุ่งมั่นสู่ฮับการแพทย์อันดับ 1 ในพื้นที่ภาคเหนือ ในการดูแลคนไข้ครบองค์รวม (Advanced Patient Care) และมุ่งหวังในการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลรัฐ พร้อมร่วมกับรพ.ตากสินมหาราชเดินหน้าดูแลผู้ป่วย โดยรพ.พิษณุเวชพร้อมช่วยเหลือสนับสนุนทั้งรพ.รัฐและเอกชนเพื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็วและบริการที่ดี โดยเริ่มบริการส่งต่อผู้ป่วยโรคหัวใจตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. นี้เป็นต้นไป” นพ.สมคิดกล่าว
ขณะที่ นพ.บรรเจิด นนทสูติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กล่าวว่า โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพการให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือในการส่งต่อผู้รับบริการเพื่อรับการตรวจสวนหัวใจ การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด กับรพ.พิษณุเวช ในครั้งนี้ เนื่องจากเห็นโอกาสและศักยภาพของรพ.พิษณุเวช ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่มีความพร้อม ทั้งในด้านบุคลากรการแพทย์ อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ รวมทั้งห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในพื้นที่ภาคเหนือ
“การขยายความร่วมมือดังกล่าวจะนำมาซึ่งประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้รับบริการเป็นหลัก เพื่อให้ได้รับการรักษาที่รวดเร็วทันท่วงที ลดความแออัด ลดอัตราความสูญเสีย และยังช่วยลดงบประมาณด้านสาธารณสุขในระยะยาวลงได้” นพ.บรรเจิดกล่าว
โอกาสนี้โรงพยาบาลพิษณุเวช ยังได้บริจาคเงินจำนวน 50,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเพื่อใช้ในด้านสาธารณะประโยชน์ ตามปณิธานของเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ที่มุ่งสร้างคนที่มีจิตใจของความเป็นผู้ให้ เพื่อร่วมดูแลคน ชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป