Wealth Sharing
“ทรีนีตี้” ปี 67 ลุยดิจิทัลเต็มรูปแบบ เปิดดีลที่ปรึกษาหุ้นไอพีโอ M&A หุ้นกู้เพียบ
26 ธันวาคม 2566
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยในงาน Opportunity Day ให้ข้อมูลภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 และทิศทางการดำเนินธุรกิจ ในปี 2567 ว่า ทรีนีตี้ยังคงดำเนินนโยบายตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะเดินหน้าแพลตฟอร์มดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อให้บริการกับลูกค้า แบบไร้รอยต่อ และให้สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของบริษัทที่จะส่งมอบผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
โดยปี 2567 บริษัทจะรุกธุรกิจวาณิชธนกิจในการเป็นที่ปรึกษาการเงินนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ซึ่งขณะนี้มีดีลในมือประมาณ 6-8 ดีล จะทยอยเข้าจดทะเบียนในปี 2567-2568 ดีลการเข้าไปเป็นที่ปรึกษา ด้านการควบรวมกิจการ (M&A) จำนวน 6-8 ดีล และยังเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ (Bond) 6-8 ดีล รวมถึงตั้งเป้าในส่วนของธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) จะเติบโตทะลุ 3,200 ล้านบาท จากปัจจุบันที่หดตัวลงมาที่ระดับ 2,000 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้ทิศทางผลดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้น
ดร.วิศิษฐ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงวด 9 เดือนแรกของปีที่มีผลขาดทุนว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ ที่ปริมาณการซื้อขายลดลงเกิน 20% ทำให้รายได้จากธุรกิจค้าหลักทรัพย์ลดลง และทำให้กำไรจากพอร์ตลงทุนลดลง เพราะบริษัทมีการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาลดลงตามภาวะตลาดที่ดัชนีถอยลงมาซื้อขายที่ระดับ 1,400 จุด รวมทั้งยังมีผลกระทบจากกรณีของหุ้น MORE ซึ่งคดีนี้ดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทมีรายได้จากดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้นกับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และมีสัดส่วน 50% ในไตรมาส 3 ทำให้บริษัทยังคงมีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยปี 2567 บริษัทจะรุกธุรกิจวาณิชธนกิจในการเป็นที่ปรึกษาการเงินนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ซึ่งขณะนี้มีดีลในมือประมาณ 6-8 ดีล จะทยอยเข้าจดทะเบียนในปี 2567-2568 ดีลการเข้าไปเป็นที่ปรึกษา ด้านการควบรวมกิจการ (M&A) จำนวน 6-8 ดีล และยังเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ (Bond) 6-8 ดีล รวมถึงตั้งเป้าในส่วนของธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) จะเติบโตทะลุ 3,200 ล้านบาท จากปัจจุบันที่หดตัวลงมาที่ระดับ 2,000 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้ทิศทางผลดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้น
ดร.วิศิษฐ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงวด 9 เดือนแรกของปีที่มีผลขาดทุนว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ ที่ปริมาณการซื้อขายลดลงเกิน 20% ทำให้รายได้จากธุรกิจค้าหลักทรัพย์ลดลง และทำให้กำไรจากพอร์ตลงทุนลดลง เพราะบริษัทมีการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาลดลงตามภาวะตลาดที่ดัชนีถอยลงมาซื้อขายที่ระดับ 1,400 จุด รวมทั้งยังมีผลกระทบจากกรณีของหุ้น MORE ซึ่งคดีนี้ดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทมีรายได้จากดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้นกับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และมีสัดส่วน 50% ในไตรมาส 3 ทำให้บริษัทยังคงมีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง