วานนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ปรับตัวลงราว 2% อยู่ที่ระดับ 79.41 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 74.11 เหรียญฯ/บาร์เรล ตามลำดับ โดยปัจจยหลักมาจากบริษัทเมอส์ก (Maersk), ซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม (CMA CGM) และฮาแพค-ลอยด์ (Hapag-Lloyd) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ของยุโรป ประกาศว่าจะกลับมาเดินเรือในทะเลแดงอีกครั้ง หลังจากที่สหรัฐฯได้เปิดปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง (Operation Prosperity Guardian) เพื่อปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลแดงจากการโจมตีของกลุ่มฮูตีจึงทำให้ความกังวลประเด็นดังลก่าวคลี่คบายลงบ้าง
ฝ่ายวิจัยฯ บล. เอเซีย พลัส ระบุว่ายังต้องติดตามวิกฤตการณ์ในทะเลแดงต่อไปว่าจะเป็นไปในทิศทางไหนขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสทรงตัวในระดับนี้ หรือปรับตัวขึ้นได้จาก สงครามที่ยืดเยื้อระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่ล่าสุด กองกำลังทหารอิสราเอลได้ทำการโจมตีฉนวนกาซาทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ จึงทำให้ตลาดคาดว่าสงครามครั้งนี้ อาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน
สรุป ราคาน้ำมันทรุดตัวลงช่วงสั้น หลังวิกฤตการณ์ในทะเลแดงเจอทางออก อาจกดดัน SET Index ในวันนี้ เนื่องจากมีสัดส่วนหุ้นกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น ถึง 1 ใน 3 ของสัดส่วนทั้งหมด