มีรายงานข่าวเรื่อง ททท.เด้งรับนโยบาย 'เศรษฐา' ปี 2567 ดึงยุโรปเที่ยวไทย 35 ล้านคน ตั้งเป้ารายได้ 3.5 ล้านล้านบาท เล็งชง ครม. เพิ่มระยะเวลาพำนักให้นานขึ้นจากปัจจุบัน 30 วัน ให้ขยาย เป็น 60 วัน ให้คุ้มค่ากับตั๋วเครื่องบินที่แพง เพื่อเป้าหมายกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 8 หมื่นบาท/ทริป/คน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 7% และจำนวนห้องพักโรงแรมจะเพิ่มขึ้นประมาณ6 ล้านรูมไนท์ คาดว่าเร็วๆ นี้จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินโครงการที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้ฟรีวีซ่า
บล.ดาโอ มองว่าเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว โดยหากมาตรการการขยายเวลาพ านักให้นักท่องเที่ยวยุโรปเป็น 60 วัน จากเดิมที่ 30 วัน เกิดขึ้นได้จริงจะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มขึ้นและเพิ่มรายได้ต่อหัวให้เพิ่มขึ้นได้อีก ทั้งนี้นักท่องเที่ยวยุโรปช่วง 11M23 มีสัดส่วนสูงถึง 21% จากนักท่องเที่ยวรวม (มีจ านวน 5.15 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง +155% YoY) ซึ่งนักท่องเที่ยวยุโรปเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยหุ้นในกลุ่มโรงแรมที่จะได้รับผลบวกจากข่าวดังกล่าวจากมากไปน้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปที่มาประเทศไทยส่วนใหญ่จะพำนักแถวใกล้ทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูเก็ต,พัทยา, สมุย เป็นต้น
สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเรายังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “น้อยกว่าตลาด” โดยจากประเด็นนี้ ERW (ซื้อ/เป้า 6.50 บาท) และ CENTEL (ถือ/เป้า 44.00 บาท) จะได้ sentiment เชิงบวกมากสุด นอกจากนี้ยังมองเป็นบวกต่อ AAV (ซื้อ/เป้า 2.70 บาท) และ AOT (ซื้อ/เป้า 79.00 บาท) ที่จะท าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ขณะที่เรายังชอบ MINT (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) เพิ่มเติมจากปัจจัยเฉพาะตัว เพราะตัวเลข RevPAR ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 23 ที่ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องแม้ว่ายุโรปเป็นช่วง Low season ซึ่งจะทำให้กำไร 4Q23E จะเติบโตได้ทั้ง YoY/QoQ (มากกว่าที่ตลาดคาดได้)