Talk of The Town

JKN คาด เม.ย.67 ศาลฯมีคําสั่ง ฟื้นฟูกิจการ-แต่งตั้งผู้ทําแผนฯ


02 มกราคม 2567
JKN คาด เม.ย.67 ศาลฯมีคําสั่ง.jpg

บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) JKN เปิดเผยว่า “บริษัท”ขอรายงานการผิดนัดชําระหนี้ ดังนี้

1. หุ้นกู้ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 บริษัทมีภาระหนี้สินหุ้นกู้ ดังนี้ หุ้นกู้ที่ถึงวันครบในวันที่1 กันยายน 2566

1. หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จํากัด (มหาชน) ครั้งที่2/2563 ครบกําหนดไถ่ถอนปี 2566 (“หุ้นก้รุ่น JKN239A”)

หุ้นกู้ชุดอื่น ๆ ที่ยังไม่ถึงวันครบชําระ
1. หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นก้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนดไถ่ถอน (“หุ้นกู้รุ่น JKN243A”)

2. หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2565 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นก้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนดไถ่ถอน (“หุ้นกู้รุ่น JKN246A”)

3. หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่่ 3/2565 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนดไถ่ถอน (“หุ้นกู้รุ่น JKN24OA”)

4. หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 4/2565 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนดไถ่ถอน (“หุ้นกู้รุ่น JKN24NA”)

5. หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2566 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นก้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นก้ก่อนวันครบกําหนดหุ้นกู้

6. หุ้นกู้บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2566 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นก้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นก้ก่อนวันครบกําหนดหุ้นกู้

ต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2566 บริษัทผิดนัดชําระหุ้นกู้รุ่น JKN239A จํานวนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609.98 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการผิดนัดชําระหนี้หุ้นกู้รุ่น JKN239A ส่งผลให้เข้าหลักเกณฑ์ เรื่องการผิดนัดชําระตามข้อกําหนดสิทธิ หุ้นกู้ที่กําหนดไว้ในเงื่อนไขอันถือเป็นเหตุผิดนัดของหุ้นกู้รุ่นอื่น ๆ ที่บริษัทออกและยังมิได้ไถ่ถอนทั้งหมด

วันที่ 4 กันยายน 2566 บริษัทได้รับหนังสือแจ้งการผิดนัดชําระ จํานวน 3 ฉบับจากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ดังนี้

ฉบับที่ 1
หนังสือจาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จํากัด ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ฉบับลงวันที่ 4 กันยายน 2566 เรื่อง ผิดนัดชําระหนี้ตามหุ้นกู้ และบอกกล่าวให้ชําระหนี้หุ้นกู้ “หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2563 ครบกําหนดไถ่ถอนปี 2566 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนดไถ่ถอน” (“หุ้นกู้รุ่น JKN239A”) โดยให้ บริษัทชําระเงินต้นคงค้างพร้อมด้วยดอกเบี้ยทั้งหมดภายในระยะเวลาที่กําหนด

ฉบับที่ 2
หนังสือจาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จํากัด ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ฉบับลงวันที่ 4 กันยายน 2566 เรื่อง แจ้งการผิดนัดชําระหนี้ (Cross Default) “หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2565 ครบกําหนด ไถ่ถอนปี พ.ศ.2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกําหนดไถ่ถอน” (หุ้นกู้ JKN246A) โดยให้ชี้แจงแนวทางการ แก้ไขส่งไปยังผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ภายในวันที่ 8 กันยายน 2566 และดําเนินการแก้ไขภายใน 30 วัน นับจากวันที่ 1 กันยายน 2566

ฉบับที่ 3
หนังสือจาก บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) ฉบับลงวันที่ 4 กันยายน 2566 เรื่อง สอบถามรายละเอียดการแก้ไขเหตุผิดนัดของหุ้นกู้รุ่น JKN239A และ แจ้งการผิดนัดชําระหนี้ (Cross Default) หุ้นกู้รุ่นอื่น ๆ ของบริษัทดังนี้

(1) หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหด (“JKN243A”)

(2) หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 3/2565 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนด (“JKN24OA”)

(3) หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที ่ 4/2565 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนด (“JKN24NA”)

(4) หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่1/2566 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนด (“JKN252A”) และ

(5) หุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2566 ครบกําหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนด (“JKN255A”) 

โดยบริษัทได้เตรียมดําเนินการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้สําหรับหุ้นกู้รุ่น JKN239A ในวันที่ 27 กันยายน 2566 เพื่อ พิจารณาแผนการชําระหนี่ตามหุ่นกู้รุ่น JKN239A รวมถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดสิทธิของหุ่นกู้และเอกสารอื่นใดที่ เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกําหนดสิทธิ รวมทั้ง บริษัทจะจัด ประชุมผู่ถือหุ่นกู่สําหรับหุ่นกู่รุ่นอื่น ๆ ของบริษัททุกรุ่นภายในกําหนดระยะเวลาตามข้อกําหนดสิทธิที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาการ ขอผ่อนผันให้เหตุผิดนัดตามข้อกําหนดสิทธิ (Cross Default) ให้ไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกําหนดสิทธิของหุ้นกู้รุ่นอื่น ๆ ของ บริษัท และไม่เรียกชําระหนี้ตามหุ้นกู้โดยพลัน (Call Default) ในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 (รายละเอียดปรากฎตามหนังสือที่ JKNGB-006-09/2566 เรื่อง แจ้งการได้รับหนังสือจากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท ซึ่งเผยแพร่ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 และหนังสือที่ JKNGB-015-09/2566 เรื่อง แจ้งความคืบหน้าการดําเนินการเกี่ยวกับหุ้นกู้ของบริษัท ซึ่งเผยแพร่ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566)

ในวันที่27 กันยายน 2566 บริษัทได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A อนุมัติให้เลื่อนการชําระคืน เงินต้นจํานวนเงิน 19.5 ล้านบาทไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ส่วนที่เหลือจํานวนเงิน 432.45 ล้านบาทให้ชําระคืนในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 และปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มจากเดิมร้อยละ 6.60 ต่อปีเป็นอัตราร้อยละ 7 ต่อปี และผู้ถือหุ้นกู้มีมติอนุมัติขอ ผ่อนผันให้การผิดนัดชําระเงินต้นและดอกเบี้ยในวันครบกําหนดไถ่ถอนวันที่ 1 กันยายน 2566 ไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดตาม ข้อกําหนดและไม่เรียกชําระหนี้ตามหุ้นกู้โดยพลัน (รายละเอียดปรากฎตามหนังสือที่ JKNGB-017-09/2566 เรื่อง แจ้งมติที่ ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2566 สําหรับหุ้นกู้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จํากัด (มหาชน) ครั้งที่2/2563 ครบกําหนดไถ่ถอนปี 2566 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกําหนดไถ่ถอน (JKN239A) ซึ่งเผยแพร่ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566) 

วันที่6 ตุลาคม 2566 เพื่อให้บริษัทมีเวลาเพียงพอในการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อนําเสนอต่อผู้ถือหุ้นกู้ 6 รุ่นของ บริษัท บริษัทจึงแจ้งขอเลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้6 รุ่นของบริษัทจากวันที่ 12 ตุลาคม 2566 โดยบริษัทจะจัดการประชุมผู้ถือ หุ้นกู้ 6 รุ่นของบริษัทดังกล่าว ภายในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 เพื่อพิจารณาขอผ่อนผันการผิดเงื่อนไขของข้อกําหนดสิทธิข้อ 12.1 (ญ) สําหรับหุ้นกู้JKN243A JKN246A JKN24OA JKN24NA และข้อ 10.1 (ญ) สําหรับหุ้นกู้ JKN252A และ JKN255Aอันถือเป็นเหตุผิดนัดของข้อกําหนดสิทธิ ต่อไป ทั้งนี้เป็นการปฏิบัติตามข้อกําหนดสิทธิของหุ้นกู้ 6 รุ่นของบริษัท ในการแก้ไขเหตุผิดนัดของหุ้นกู้ 6 รุ่นของบริษัทดังกล่าว โดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้รับทราบการเลื่อนการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 6 รุ่นของบริษัทดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ บริษัทจะปฏิบัติตามหน้าที่ที่กําหนดในข้อกําหนดสิทธิของหุ้นกู้ทุกรุ่นของบริษัท และ ตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ JKN239A ครั้งที่1/2566 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา รวมไปถึงการชําระ ดอกเบี้ยของหุ้นกู้ 6 รุ่นของบริษัทตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในข้อกําหนดสิทธิของหุ้นกู้ 6 รุ่นของบริษัท (รายละเอียดปรากฎ ตามหนังสือที่ JKNGB-001-10/2566 เรื่อง แจ้งความคืบหน้าการดําเนินการเกี่ยวกับหุ้นกู้ของบริษัท ครั้งที่2 ซึ่งเผยแพร่ผ่าน ระบบตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566) 

ต่อมาบริษัทได้ยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง และศาลล้มละลายกลางได้มีคําสั่งรับคําร้อง ในวันที่9 พฤศจิกายน 2566 โดยศาลล้มละลายกลางได้กําหนดวันไต่สวนคําร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 มกราคม 2567

ทั้งนี้ บริษัทได้รับหนังสือจาก บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 และ จาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จํากัด เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เพื่อเรียกให้บริษัทชําระเงินต้นหุ้นกู้และดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัททั้งหมด ได้แก่ JKN243A JKN24OA JKN24NA JKN252A JKN255A JKN239A และ JKN246A โดยบริษัทได้มี หนังสือแจ้งกลับไปยังบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จํากัด เพื่อ แจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้าของกระบวนการฟื้นฟูกิจการของบริษัท และสภาวะการพักชําระหนี้ทั้งหมด (Automatic stay) ของบริษัท ซึ่งรวมไปถึงการพักชําระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัททุกรุ่น เว้นแต่ศาลล้มละลายกลางจะมีคําสั่งเป็น อย่างอื่น และการยกเลิกการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 (รายละเอียดปรากฎตามหนังสือที่ JKNGB-00811/2566 เรื่อง แจ้งความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการ และสถานะหุ้นกู้ ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ซึ่งเผยแพร่ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566) การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของบริษัทจะช่วย ให้บริษัทแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกฎหมายรองรับ และให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่ เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม อีกทั้ง บริษัทยังสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อการแก้ไขปัญหาของบริษัท และเพื่อสร้างผลกําไรจากการดําเนินกิจการต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง 

2. หนี้สถาบันการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน 4 แห่ง (รวมเรียกว่า “เจ้าหนี้สถาบันการเงิน”) โดยมีมูลค่าหนี้คงเหลือรวม 688,727,852.03 บาท รายละเอียดดังนี้

1. ธนาคารทหารไทยธนชาต จํากัด (มหาชน)
2. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน)
3. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้า แห่งประเทศไทย
4. ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน)
มูลค่าหนี้คงเหลือ 688,727,852.03 (บาท)

ทั้งนี้ ในช่วงก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม 2566 บริษัทได้มีการเจรจาต่อรองด้วยวาจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน และ ได้มีการนัดประชุมกับเจ้าหนี้สถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้มีการดําเนินการส่งหนังสือขอหารือการปรับเครื่องมือ ทางการเงินให้เหมาะสมกับธุรกิจ ลงวันที่ 21 กันยายน 2566 ไปยังเจ้าหนี้สถาบันการเงินที่บริษัทใช้วงเงินสินเชื่อ ตาม คําแนะนําของที่ปรึกษาของบริษัท โดยขอปรับปรุงรายการนัดชําระเงินกู้ระยะยาวและเงินกู้ระยะสั้น ให้ขยายเวลาผ่อนผัน การชําระเงินต้นด้วยระยะเวลา 17 เดือน โดยจะชําระเฉพาะดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งในช่วงระยะเวลา ดังกล่าวบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร กระบวนการทํางาน และแผนการดําเนินธุรกิจ พร้อมกับการจัดโครงสร้างทาง การเงิน (Financial Structure) เพื่อประเมินความสามารถในการชําระหนี้ต่าง ๆ ของบริษัท ร่วมกันระหว่างคณะ กรรมการบริหารและผู้บริหารของบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงิน และที่ปรึกษากฎหมาย จากการดําเนินการพบว่าบริษัท ควร จัดสรรกระแสเงินสดของบริษัทให้เกิดประโยชน์ในการหารายได้เพิ่มขึ้นให้สัมพันธ์กับหนี้สินที่มีต่อเจ้าหนี้สถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่สามารถชําระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 เนื่องจากอยู่ ในระหว่างการเจรจา และสถาบันการเงินยังไม่ได้ข้อสรุปตามเงื่อนไขที่บริษัทได้นําเสนอ 

ต่อมา บริษัทได้รับหนังสือจากเจ้าหนี่สถาบันการเงินดังนี้

1. ธนาคารทหารไทยธนชาต จํากัด (มหาชน) (“ttb”)
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2566 ttb ได้ส่งหนังสือที่ บสลบธ 186/2566 เรื่อง ขอให้ชําระหนี้ที่เลยกําหนด ชําระ มายังบริษัทว่า ณ วันที่ 21 กันยายน 2566 บัญชีสินเชื่อเงินกู้ระยะยาวของบริษัทตามสัญญาเงินกู้ระยะยาว ลงวันที่23 ธันวาคม 2562 มียอดค้างชําระและเกินระยะเวลาครบกําหนดชําระหนี่ให้กับ ttb โดยเป็นยอดต้นเงินกู้ที่เกินกําหนดชําระจํานวน 4,487,962.17 บาท จึงขอให้บริษัทดําเนินการชําระหนี้ ดังกล่าวทันที นับจากวันที่ได้รับเอกสารฉบับนี้ รวมถึงขอให้บริษัทชําระหนี้เงินกู้ระยะยาวเดือนละ 10,650,000 บาท (ไม่รวมดอกเบี้ย) ให้ตรงตามกําหนดการผ่อนชําระ หากบริษัทยังไม่ได้ชําระหนี้ภายใน วันดังกล่าว ttb ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้นได้ โดยมิต้องแจ้งให้ ทราบล่วงหน้า

2. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน) (“LH Bank”) เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 LH Bank ในฐานะผู้ให้กู้ได้ส่งหนังสือที่่ ธลฮ (640)(3) 067 / 2566 เรื่อง ให้ชําระหนี้ มายังบริษัทในฐานะผู้กู้ และนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ในฐานะผู้คํ้าประกัน ว่า ผู้กู้ได้ ปฏิบัติผิดนัดผิดสัญญา โดยไม่ชําระหนี้ตามอัตรา และ/หรือ ตามเงื่อนไขที่กําหนดตามสัญญาเงินกู้ เป็น เหตุให้ ผู้กู้ผู้คํ้าประกัน มีภาระหนี้ค้างชําระ ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2566 ตามสัญญากู้เงิน ลงวันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นเงินค่างวดจํานวน 12,500,000 บาท และดอกเบี้ยจํานวน 733,561.64 บาท รวมเป็น เงินจํานวน 13,233,561.64 บาท และมีภาระหนี้ค้างชําระ ณ วันที่10 ตุลาคม 2566 ตามสัญญากู้เงิน ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2565 เป็นเงินค่างวดจํานวน 6,250,000 บาท และดอกเบี้ยจํานวน 570,547.95 บาท รวมเป็นเงินจํานวน 6,820547.95 บาท จึงขอให้ผู้กู้และผู้คํ้าประกันร่วมกัน และ/หรือ แทนกันชําระหนี้คงค้างดังกล่าวข้างต้นไปชําระให้แก่ LH Bank ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี่ มิเช่นนั้น LH Bank มีความจําเป็นต้องเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดนัดตามข้อตกลงในสัญญา

ต่อมาบริษัทได้ยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง และศาลได้มีคําสั่งรับคําร้องในวันที่9 พฤศจิกายน 2566 โดยศาลล้มละลายกลางได้กําหนดวันไต่สวนคําร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 มกราคม 2567 ทําให้เกิด สภาวะการพักชําระหนี้ทั้งหมดของบริษัท (Automatic stay) ตามมาตรา 90/12 แห่งพ.ร.บ. ล้มละลาย จนกว่าศาลล้มละลาย กลางจะมีคําสั่เป็นอย่างอื่น ซึ่งภายหลังจากศาลมีคําสั่งรับคําร้อง บริษัทยังคงมีการเจรจากับเจ้าหนี่สถาบันการเงินอย่าง ต่อเนื่อง

3. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้าแห่งประเทศไทย (“EXIM Bank”)

เมื่อวันที่20 พฤศจิกายน 2566 EXIM Bank ได้ส่งหนังสือที่ ธสน. กส.2 6088 / 2566 เรื่อง แจ้งการผิด นัดชําระหนี้ มายังบริษัท ว่า เนื่องจากบริษัท (ก) ผิดนัดชําระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกําหนดชําระ ในงวดเดือนกันยายน 2566 (ข) ผิดนัดชําระหนี้ที่บริษัทมีอยู่กับสถาบันการเงินอื่น (ค) ยื่นคําร้องขอฟื่นฟู กิจการ และศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งรับคําร้องขอฟื้นฟูกิจการมายังบริษัทแล้ว ซึ่งเหตุดังกล่าวถือเป็น เหตุผิดนัดผิดสัญญาตามเงื่อนไขข้อ 8.1, ข้อ 8.2, และข้อ 8.11 ของสัญญากู้เงิน ฉบับลงวันที่20 สิงหาคม 2563 EXIM Bank ขอแสดงเจตนาในการใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ภาระหนี้กับเงินในบัญชีเงิน ฝากออมทรัพย์ของบริษัทที่บริษัทได้จดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจในบัญชีเงินฝากดังกล่าวไว้กับทาง EXIM Bank จํานวน 7,643,774.19 บาท (ยอดคงเหลือ ณ 17 พฤศจิกายน 2566) และขอใช้สิทธิเรียก ภาระหนี้ทั้งหมดที่ยังไม่ถึงกําหนดชําระ ถึงกําหนดชําระทั้งจํานวนทันที ดังนั้น ณ เพียงสิ้นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 บริษัทจึงมีภาระหนี้ค้างชําระอยู่กับทาง EXIM Bank ภายหลังจากการใช้สิทธิหักกลบ ลบหนี้ดังกล่าวแล้วเป็นเงินต้นค้างชําระจํานวน 55,268,979.79 บาท และดอกเบี้ยค้างชําระ 384,657.53 บาท โดยยังไม่รวมดอกเบี้ยอัตราผิดนัดที่ EXIM Bank มีสิทธิคิดตามเงื่อนไขของสัญญากู้เงิน นับตั้งแต่ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป

4. ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) (“KTB”) เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 KTB ได้ส่งหนังสือที่ สธ.(ปก.) 3979/ 2566 เรื่อง แจ้งให้ชําระหนี้ มายัง บริษัท ว่า ขอให้บริษัทติดต่อ สํานักงานธุรกิจพระปิ่นเกล้า ที่บริษัทใช้บริการ เพื่อตามจํานวนเงินที่ต้อง ชําระพร้อมดอกเบี้ยในอัตราผิดนัด (ตามที่กําหนดในสัญญา) ที่ค้างอยู่ จนถึงวันชําระ ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ค้างชําระ โดยบริษัทมีจํานวนเงินที่จะต้องชําระสําหรับสินเชื่อออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จํานวน 702,251.53 บาท ซึ่งบริษัทชําระครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 และมีจํานวนเงินที่ต้องชําระ สําหรับสินเชื่อบัตรเติมนํ้ามัน (Fleet Card) จํานวน 81,822.52 บาท ซึ่งบริษัทชําระครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566

ทั้งนี้ จากการที่บริษัทอยู่ในสภาวะการพักชําระหนี้ทั้งหมดของบริษัท (Automatic stay) บริษัทจึงยังไม่ สามารถชําระเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าวให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินได้ เว้นแต่ศาลล้มละลายกลางจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีการเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง 

3. หุ้นก้แปลงสภาพ

บริษัทได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพที้ให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จํากัด (มหาชน) ครบกําหนดปี พ.ศ. 2568 ให้แก่ North Haven Thai Private Equity Gemini Company (Hong Kong) Limited (“NHTPE”) ตามมติของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 (“หุ้นกู้แปลงสภาพที่ออก ให้แก่ NHTPE”) มูลค่า 1,200 ล้านบาท

โดยเมื่อวันที่5 กันยายน 2566 ทาง NHTPE ได้ส่งหนังสือไถ่ถอนทั้งจํานวนภายใต้ข้อกําหนดและเงื่อนไขข้อ 10.2, 10.4, 10.5 มายังบริษัท โดยมีกําหนดชําระในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งบริษัทได้มีการประชุมหารือกับทาง NHTPE อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้แต่งตั้งที่ปรึกษาการเงินเพื่อจัดทําแผนการชําระหนี้ ตามคําแนะนําของกรรมการที่เป็นตัวแทนจาก NHTPE

ต่อมาบริษัทได้ยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง และศาลได้มีคําสั่งรับคําร้องในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 โดยศาลล้มละลายกลางได้กําหนดวันไต่สวนคําร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 มกราคม 2567 ทําให้เกิด สภาวะการพักชําระหนี้ทั้งหมดของบริษัท (Automatic stay) ตามมาตรา 90/12 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย ซึ่งภายหลังจากศาล มีคําสั่งรับคําร้อง บริษัทยังคงมีการประชุมหารือกับ NHTPE อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ทาง NHTPE ได้ส่งหนังสือแจ้งผิดนัด ชําระหนี้ ฉบับลงวันที่ 8 ธันวาคม 2566 มายังบริษัท ภายใต้ข้อกําหนดและเงื่อนไขข้อ 12.1 (d) และ 12.1 (h) โดยขอให้ บริษัทชําระเงินต้นจํานวน 1,200 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจนถึงวันที่ชําระเงินภายใน 3 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากไม่ชําระจะคิดดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 10 ต่อปี

อย่างไรก็ดี บริษัทยังไม่สามารถชําระเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าวให้แก่ NHTPE ได้ เนื่องจากอยู่ในสภาวะ การพักชําระหนี้ทั้งหมดของบริษัท (Automatic stay) เว้นแต่ศาลล้มละลายกลางจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น 

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทําแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับการจัดกระแสเงินสดในการชําระหนี้ เพื่อเสนอต่อ เจ้าหนี้และศาลพิจารณาอนุมัติ โดยที่ปรึกษากฎหมายให้คําแนะนําว่า การนําเสนอแผนธุรกิจซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟู กิจการ จะต้องอยู่ภายใต้กระบวนการของศาลล้มละลายกลาง ดังนั้นแผนธุรกิจตลอดจนแผนฟื้นฟูกิจการจะสามารถนําเสนอ ได้ภายหลังจากที่ศาลฯ มีคําสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทําแผนแล้ว ซึ่งจากตารางขั้นตอนและกรอบระยะเวลา โดยประมาณข้างต้น คาดว่าศาลล้มละลายกลางจะมีคําสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทําแผนประมาณเดือน เมษายน 2567

หากมีความคืบหน้าประการใด บริษัทจะแจ้งให้ทราบผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
JKN