นโยบาย Easy E-Receipt เริ่มต้นขึ้นแล้ว เป็นโครงการให้บุคคลธรรมดา สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าและบริการ ไม่เกิน 5 หมื่นบาท (1 ม.ค.-15 ก.พ.67) โดยต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบ 70,000ล้านบาท หรือกระตุ้น GDP ปี 2567 ให้เพิ่มขึ้นอีก 0.18% ทั้งนี้ผู้ที่ใช้มาตรการ Easye-Receipt แล้ว หากเข้าเงื่อนไขของเกณฑ์ Digital Wallet ก็ยังสามารถใช้โครงการดังกล่าวได้ด้วย ซึ่งหากพิจารณาในมุมของกลุ่มอุตสาหกรรม ที่คาดจะได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว คือ
• กลุ่มท่องเที่ยว : CENTEL, ERW, MINT
• กลุ่มอุปโภค/บริโภค : CPN, CPAXT, HMPRO, ADVANC, COM7, CRC, CPALL, BJC, CBG, OSP, JMART, COM7, DCC, M, AU, SCGP
• กลุ่มคาดหวังเศรษฐกิจฟื้น : KBANK, BBL, TISCO, TIDLOR, MTC, SAWAD, KTC, AEONTS, BAM
หากอ้างอิงจากโครงการช็อปดีมีคืนครั้งแรกในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2563 ที่ออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเกิด COVID-19 พบว่า ในช่วงนั้นกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 9.8 หมื่นล้านบาท ลดลง 34%QoQ แต่กลุ่มหุ้น Domestic นั้นกำไรฟื้นได้สวนทางกับตลาด อาทิ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ +79%QoQ, กลุ่มการเงิน +35%QoQ, กลุ่มค้าปลีก +14%QoQ, กลุ่มธ.พ. +6%QoQ, กลุ่ม ICT +5%QoQ ดังรูปด้านล่าง ดังนั้นยิ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงชั้นดีว่า กลุ่มหุ้น Domestic ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ มีโอกาสสูงที่ ราคาหุ้นจะ Outperform หุ้นกลุ่มอื่นๆในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า
ขณะที่อีกกลุ่มที่คาดได้รับประโยชน์จาก Fund flow สถาบันและต่างชาติ คือ กลุ่มหุ้นFree Float สูง เนื่องจากรับดัชนีใหม่ SET50FF และ SET100FF โดย 7 กลุ่มหุ้น FreeFloat สูงกว่าตลาด(Freefloat ราว 49%) คือ BANK CONS TOURISM HELTH PROP CONMAT AGRI
สรุป ในช่วง 1Q67 หุ้นไทยมีโอกาส Outpeform หุ้นอื่นๆ จากกลุ่มหุ้นที่ช่วงกันดันดัชนีขึ้น อาทิ กลุ่ม PKG FIN BANK COMM ICT เป็นต้น ซึ่งได้ประโยชน์ทั้งจากนโยบายภาครัฐฯ และ Fund flow ที่ทยอยไหลเข้า โดยวันนี้คาดกรอบ SET Index 1430-1440 จุด
• กลุ่มท่องเที่ยว : CENTEL, ERW, MINT
• กลุ่มอุปโภค/บริโภค : CPN, CPAXT, HMPRO, ADVANC, COM7, CRC, CPALL, BJC, CBG, OSP, JMART, COM7, DCC, M, AU, SCGP
• กลุ่มคาดหวังเศรษฐกิจฟื้น : KBANK, BBL, TISCO, TIDLOR, MTC, SAWAD, KTC, AEONTS, BAM
หากอ้างอิงจากโครงการช็อปดีมีคืนครั้งแรกในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2563 ที่ออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเกิด COVID-19 พบว่า ในช่วงนั้นกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 9.8 หมื่นล้านบาท ลดลง 34%QoQ แต่กลุ่มหุ้น Domestic นั้นกำไรฟื้นได้สวนทางกับตลาด อาทิ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ +79%QoQ, กลุ่มการเงิน +35%QoQ, กลุ่มค้าปลีก +14%QoQ, กลุ่มธ.พ. +6%QoQ, กลุ่ม ICT +5%QoQ ดังรูปด้านล่าง ดังนั้นยิ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงชั้นดีว่า กลุ่มหุ้น Domestic ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ มีโอกาสสูงที่ ราคาหุ้นจะ Outperform หุ้นกลุ่มอื่นๆในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า
ขณะที่อีกกลุ่มที่คาดได้รับประโยชน์จาก Fund flow สถาบันและต่างชาติ คือ กลุ่มหุ้นFree Float สูง เนื่องจากรับดัชนีใหม่ SET50FF และ SET100FF โดย 7 กลุ่มหุ้น FreeFloat สูงกว่าตลาด(Freefloat ราว 49%) คือ BANK CONS TOURISM HELTH PROP CONMAT AGRI
สรุป ในช่วง 1Q67 หุ้นไทยมีโอกาส Outpeform หุ้นอื่นๆ จากกลุ่มหุ้นที่ช่วงกันดันดัชนีขึ้น อาทิ กลุ่ม PKG FIN BANK COMM ICT เป็นต้น ซึ่งได้ประโยชน์ทั้งจากนโยบายภาครัฐฯ และ Fund flow ที่ทยอยไหลเข้า โดยวันนี้คาดกรอบ SET Index 1430-1440 จุด