Talk of The Town

ลุ้น January effect ปีมังกรทอง มาตามนัด


02 มกราคม 2567
ปี 2566 ถือเป็นปีที่บรรดานักลงทุนสถาบัน รายใหญ่ กองทุน นักลงทุนรายย่อย บอบช้ำ! 

เพราะผลตอบแทนการลงทุนตลาดหุ้นไทยทั้งปี ปรับตัวลดลงกว่า 15% ติดโผยอดแย่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

ผลพวงจากปัญหาความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย 

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการผิดชำระหนี้หุ้นกู้ของ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท แถมยังมีการใช้ข้อมูลภายใน (อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง) ส่งผลกระทบตลาดเงินและตลาดทุน 

"ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" หุ้นกู้  บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ภายใต้การบริหารของ "แอน – จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์" เจ้าของลิขสิทธิ์เวที Miss Universe   ทั่วโลก แต่เพียงผู้เดียว ก็เริ่มมีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ จนถึงขั้นต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง

ตามมาด้วยเรื่องราวของผี Naked Short ที่หายังไงก็ไม่เจอ!

แต่ยังคงหลอน! ภากร ปิตธวัชชัย ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ พรอนงค์ บุษราตระกูล
เลขาธิการ ก.ล.ต. ที่ออกมาตั้งโต๊ะชี้แจงอย่างไร ก็ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้

เปิดฉากการลงทุนตลาดหุ้นไทยปีมังกร (2567) เริ่มมีความหวังกับปรากฎการณ์ January Effect  

ตามทฤษฎีแล้ว!!! 

ในช่วงเดือนมกราคม...จะกลับเข้ามาลงทุนใหม่อีกครั้งในสินทรัพย์ที่ราคายังไม่แพง หลังจากขายทำกำไรจากการลงทุนช่วงสิ้นปีก่อนหยุดยาว 

ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในภาคเช้าวันนี้ (2 ม.ค.67) ดัชนีขึ้นทดสอบจุดสุดที่ 1,432.56 จุด เพิ่มขึ้น 16.71 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 1%

ลุ้น January effect ปีมังกรทอง มาตามนัด.jpg

จากข้อมูลสถิติย้อนหลัง 11 ปี (ปี 2556-2566) พบว่า เกิดปรากฏการณ์ January Effect 7 ครั้ง (ผลตอบแทนเป็นบวก) ส่วนอีก 4 ครั้ง ผลตอบแทนติดลบ

บทวิเคราะห์จาก บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า  January Effect เป็นปรากฎการณ์ที่ตลาดมักปรับตัวขึ้นในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แต่มักเกิดขึ้นในประเทศไทย โดย SET INDEX ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ปี จาก 10 ปี ย้อนหลัง โดยให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +1.3% 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากความคาดหวังของนักวิเคราะห์และนักลงทุนว่าเศรษฐกิจไทยในปีใหม่จะดีกว่าปีก่อนหน้า รวมถึงอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของ SET INDEX จะเติบโตได้ดีจึงมีแรงซื้อสะสมหุ้นในตลาดหุ้นไทยเข้ามา 

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มักปรับตัวขึ้นเด่นในเดือน ม.ค. ได้แก่1) กลุ่มธนาคาร (ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 9 ปีจาก 10 ปีด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +2.6%) และ 2) กลุ่มขนส่ง และโลจิสติก(ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ปี จาก 10 ปี ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +1.9%) 

ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ให้เป้าหมาย SET Index ปี 2567 ที่ 1,640 จุด เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาฟื้นตัว ตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ได้มีแรงหนุนจากภาคส่งออกกลับมาดี การบริโภคภายในประเทศ และการใช้จ่ายของภาครัฐ  คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2567 คาดโต 14% 

นอกจากนี้ ยังมองดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วทั้งสหรัฐฯ และไทย ทำให้ภาวะ Derating P/E กดดันลดลง โดยในเดือนมกราคม 67 คาด SET จะฟื้นตัวได้ หรือ January Effect ประเมินแนวต้านที่ 1,460 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,380 จุด