ตามที่บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ได้เข้าทำสัญญาการบริหารและการดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ("สัญญาฯ") กับกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2536 มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริษัทฯ บริหารระบบท่อส่งน้ำและเก็บค่าน้ำดิบภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาฯ นั้น
บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เป็นวันครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาฯซึ่งบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ประกอบด้วย (1)โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย-มาบตาพุด (2) โครงการท่อส่งน้ำมาบตาพุด-สัตหีบ (3)โครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่1) และ (4) โครงการท่อส่งน้ำแหลมฉบัง-พัทยา (รวมเรียกว่าโครงการท่อส่งน้ำดอกกราย) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าวคืนแก่กรมธนารักษ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าการส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อรายได้จากการจำหน่ายน้ำดิบของบริษัทฯ สำหรับปี 2567 ลดลงได้บ้างเมื่อเทียบกับปี 2566 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำของบริษัทฯ เองเพิ่มเติมอีกประมาณ 139 กิโลเมตร พร้อมสถานีสูบน้ำ ซึ่งจะทำให้ระบบท่อส่งน้ำของบริษัทฯ มีความยาวรวมทั้งสิ้นประมาณ 526 กิโลเมตรเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนี้ บริษัทฯ มีธุรกิจน้ำครบวงจร เช่นน้ำประปา และน้ำอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาโครงการน้ำครบวงจรไปแล้วมากกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ดังนั้น บริษัทฯ มีความพร้อมในการประกอบธุรกิจได้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เป็นวันครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาฯซึ่งบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ประกอบด้วย (1)โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย-มาบตาพุด (2) โครงการท่อส่งน้ำมาบตาพุด-สัตหีบ (3)โครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่1) และ (4) โครงการท่อส่งน้ำแหลมฉบัง-พัทยา (รวมเรียกว่าโครงการท่อส่งน้ำดอกกราย) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าวคืนแก่กรมธนารักษ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าการส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อรายได้จากการจำหน่ายน้ำดิบของบริษัทฯ สำหรับปี 2567 ลดลงได้บ้างเมื่อเทียบกับปี 2566 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำของบริษัทฯ เองเพิ่มเติมอีกประมาณ 139 กิโลเมตร พร้อมสถานีสูบน้ำ ซึ่งจะทำให้ระบบท่อส่งน้ำของบริษัทฯ มีความยาวรวมทั้งสิ้นประมาณ 526 กิโลเมตรเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนี้ บริษัทฯ มีธุรกิจน้ำครบวงจร เช่นน้ำประปา และน้ำอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาโครงการน้ำครบวงจรไปแล้วมากกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ดังนั้น บริษัทฯ มีความพร้อมในการประกอบธุรกิจได้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง