เศรษฐกิจไทยในปี 2567 คงต้องช่วยกันระวัง ที่ชัดเจนสุดคงไม่พ้นตลาดหุ้นกู้ที่อาจผิดนัดชำระจำนวนมาก รวมถึงต้องจับตาดูความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะ “สหรัฐ” และ “จีน” และปัญหาการเมืองเชิงภูมิรัฐศาสตร์โลกที่รุนแรงขึ้น
เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะคาดหวังให้เศรษฐกิจในแต่ละปีดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าดูจากภาพรวมและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว เศรษฐกิจไทยในปี 2567 คงต้องช่วยกันระวังไม่ให้เป็นปี “มังกรไฟ” ซึ่งตอนนี้เราเห็น “ควัน” เกิดขึ้นเป็นหย่อมๆ บ้างแล้ว อยู่ที่ว่าหน่วยงานรัฐจะให้ความสำคัญ เร่งดับควันเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วหรือไม่
โดยจุดที่เกิด “ควันไฟ” ชัดเจนสุดคงไม่พ้นตลาดหุ้นกู้ ซึ่งในเดือน ม.ค.นี้ มีหลายตัวที่เราควรต้องติดตามใกล้ชิด โดยเฉพาะ “ภาคอสังหาริมทรัพย์” ส่วนของเดือนหน้าก็มี “หุ้นกู้” ของบริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคก่อสร้างที่ต้องเฝ้าระวัง ตลาดหุ้นกู้นับเป็นหนึ่งในความเสี่ยงใหญ่ของเศรษฐกิจไทยปี 2567 ซึ่งรัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะเกรงว่า “หุ้นกู้” คุณภาพต่ำเพียงไม่กี่ตัว อาจลากทั้งตลาดเข้าสู่ภาวะวิกฤติได้
ถึงตอนนั้นการแก้ปัญหาจะยิ่งยากลำบากมากขึ้นตามไปด้วย เข้าใจว่ารัฐบาลได้ตั้งทีมงานขึ้นมาเพื่อดูแลปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งเราหวังว่าจะช่วยดับไฟได้ทันก่อนที่จะลุกลามบานปลายออกไป
นอกจากเรื่องหุ้นกู้แล้ว เรายังคงต้องจับตาดูความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะ “สหรัฐ” และ “จีน” อย่างใกล้ชิด เพราะทั้ง 2 ประเทศนี้มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันคิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก
ถ้าทั้ง 2 ประเทศนี้มีปัญหา ประเทศไทยก็คงไม่เหลือ โดยเฉพาะ “จีน” ซึ่งมีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก ภาพเศรษฐกิจไทยปี 2566 ถือเป็นตัวสะท้อนที่ชัดเจน เพราะเพียงแค่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาตามคาด ก็ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยย่ำแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้อย่างมาก
ในปี 2567 เศรษฐกิจจีนมีความเสี่ยงภายในที่สูงพอสมควรจาก 3 ปัญหาใหญ่ คือ ปัญหาหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาธนาคารเงาที่หนี้เสียมีความเสี่ยงทะลักสูงขึ้น และปัญหาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งถ้าทั้ง 3 ปัญหานี้ปะทุขึ้นพร้อมกัน จีนอาจเดินเข้าสู่วิกฤติได้ ถึงตอนนั้นประเทศไทยก็ยากที่จะเลี่ยงผลกระทบเหล่านี้
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐแม้ในปี 2566 จะเลี่ยงภาวะถดถอยได้สำเร็จ แถมเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดีกว่าคาด แต่ตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ตัวที่ออกมาล่าสุด บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่โหมดชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจต้องลดดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้
นอกจากนี้ อีกหนึ่งความเสี่ยงใหญ่ที่เราต้องจับตา เพราะถ้าปัญหานี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เศรษฐกิจไทยก็ย่อมได้รับผลกระทบด้วยแน่นอน นั่นคือ ปัญหาการเมืองเชิงภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งในหลายๆ ประเทศที่มีความสำคัญต่อโลก เช่น ไต้หวัน อินเดีย รัสเซีย และสหรัฐ
หากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกรุนแรงขึ้น ย่อมกระทบต่อการค้าโลก และที่สำคัญราคาพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนหลักของภาคธุรกิจ ก็อาจเร่งตัวขึ้น ซ้ำเติมปัญหาปากท้องที่หนักอยู่แล้วให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก ดูแล้วปี 2567 สารพัดความเสี่ยงกำลังรอเราอยู่ข้างหน้า เตรียมใจให้พร้อม!
ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1106561