Talk of The Town

คัดหุ้นเด่นขี่กระแส January Effect เปิดฉากตลาดหุ้นไทยปีมังกร (บิน) ...


03 มกราคม 2567
ความหวังปรากฎการณ์ January Effect เปี่ยมล้น หลังจากปีที่ผ่านมาผลตอบแทนการลงทุนตลาดหุ้นไทยติดลบกว่า 15% 

เซียนสั่งสอยหุ้นเด่นรับ January Effect  1-1.jpg

ปี 2567 เริ่มมีความหวังจากฐานที่อยู่ในระดับต่ำ...คงไม่มีอะไรเลวร้ายมากว่านี้ 

หวังว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ถล่มขายตลอดทั้งปี 2566 มูลค่าเฉียด 2 แสนล้านบาท จะเริ่มเบาบางลง และเริ่มมี Fund Flow ไหลเข้า หลังประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ฟื้นตัวเทียบกับปีที่ผ่านมา

รวมไปถึงเงินกองทุนประหยัดภาษี กองทุน TESG ที่ไหลเข้าตั้งแต่ช่วงปลายปี จะมีส่วนสำคัญในการทำให้เกิดปรากฏการณ์ January Effect หรือ การปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทย

ซึ่งตามสถิติแล้ว...ส่วนใหญ่เดือนมกราคมของทุกปี ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อของนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มักปรับตัวขึ้นเด่นในเดือนม.ค. ได้แก่ 1) กลุ่มธนาคาร (ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 9 ปีจาก 10 ปีด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +2.6%) และ 2) กลุ่มขนส่งและโลจิสติก(ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ปี จาก 10 ปี ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +1.9%) 

โดยฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักกับหุ้นกลุ่มธนาคารมากกว่า เนื่องจากมีปัจจัยบวกที่ชัดเจน ได้แก่ 1) ความคาดหวังต่อการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ 2) SET50FF/SET100FF ที่มีสัดส่วนน้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคารมากกว่า SET50/SET100 ตัวเดิม และ 3) คาดการณ์เงินปันผลของหุ้นกลุ่มธนาคารปี 2567 อยู่ในระดับสูง โดย KBANK 4%, BBL 7%, SCB 6.5% และ TISCO 8.4%

หุ้น Top Picks ใน Theme January ได้แก่ KBANK, SCB และ TISCO

ทิศทางตลาดหุ้นไทยปีหน้า เมย์แบงก์มองเป้าดัชนี SET ที่ 1,640 จุด เชื่อกลับมาฟื้นตัวได้ตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ได้มีแรงหนุนจากภาคส่งออกกลับมาดี การบริโภคภายในประเทศ และการใช้จ่ายของภาครัฐ กำไรบริษัทจดทะเบียนปี 67 คาดโต 14% นอกจากนี้ มองดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วทั้งสหรัฐฯ และไทย ทำให้ภาวะ Derating P/E กดดันลดลง โดยในเดือนมกราคม 67 คาด SET จะฟื้นตัวได้ หรือ January Effect ประเมินแนวต้านที่ 1,460 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,380 จุด" 

บล.หยวนต้า ระบุ January Effect เป็นปรากฎการณ์ที่ตลาดมักปรับตัวขึ้นในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แต่มักเกิดขึ้นในประเทศไทย โดย SET INDEX ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ปี จาก 10 ปี ย้อนหลัง โดยให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +1.3% 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากความคาดหวังของนักวิเคราะห์และนักลงทุนว่าเศรษฐกิจไทยในปีใหม่จะดีกว่าปีก่อนหน้า รวมถึงอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของ SET INDEX จะเติบโตได้ดีจึงมีแรงซื้อสะสมหุ้นในตลาดหุ้นไทยเข้ามา 

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มักปรับตัวขึ้นเด่นในเดอืน ม.ค. ได้แก่1) กลุ่มธนาคาร (ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 9 ปีจาก 10 ปีด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +2.6%) และ 2) กลุ่มขนส่งและโลจิสติก(ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ปี จาก 10 ปี ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +1.9%) 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักกับหุ้นกลุ่มธนาคารมากกว่า เนื่องจากมีปัจจัยบวกที่ชัดเจน ได้แก่ 1) ความคาดหวังต่อการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ 2) SET50FF/SET100FF ที่มีสัดส่วนน้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคารมากกว่า SET50/SET100 ตัวเดิม และ 3) คาดการณ์เงินปันผลของหุ้นกลุ่มธนาคารปี 2567 อยู่ในระดับสูง โดย KBANK 4%, BBL 7%, SCB 6.5% และ TISCO 8.4%

โดยหุ้น Top Picks ใน Theme January ได้แก่ KBANK, SCB และ TISCO

บล.กสิกรไทย มองในปี 2567 มีลุ้นปรากฎการณ์ January Effect จากเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้า จากอ่อนค่าของ USD คาด SET ปรับขึ้นในกรอบ 1,410-1,420 จุด หุ้นแนะนำ SCB, GPSC

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะกลยุทธ์การลงทุนโดยเน้นหุ้นในอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ม.ค. มากกว่า SET คือ กลุ่มเกษตร TU กลุ่มเช่าซื้อ MTC, JMT กลุ่มธนาคาร KBANK กลุ่มสื่อสาร INTUCH, INSET กลุ่มขนส่ง AOT 

ส่วน MAI เรามองควรเน้นกลุ่มที่คาดหวังกำไรปี 2024F เติบโตสูง GFC (2024F EPS Growth +46%), BBIK(+40%), BE8(+38%), YGG (+33%),WARRIX(+26%), KLINIQ(+16%

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดว่า January Effect มีโอกาสเกิดขึ้นกับ SET หลังจากดัชนีปรับตัวลงแรงในปี 2566 โดยคงเป้าหมาย SET ปี 2567 ที่ 1,520 จุด และมองว่าระดับดัชนีปัจจุบันน่าสนใจในการลงทุนระยะยาว 

หุ้น Top Pick ในปี 2567  ยังคงเป็น AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, SJWD, TIDLOR, และ TU