![วีซ่าถาวร ไทย-จีน.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/January/030124/%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%20%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99.jpg)
การยกเลิกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวไทย-จีนอย่างถาวรตั้งแต่ 1 มี.ค. 2567 นอกจากเป็นการกระตุ้นโดยตรงต่อภาคท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลบวกทางอ้อมต่อธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยของไทย เนื่องจากการเดินทางระหว่างไทย-จีน ที่คล่องตัวมากขึ้น ย่อมเพิ่มโอกาสต่อธุรกรรมการซื้อขายที่อยู่อาศัยในไทย โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ เนื่องจากจีนถือเป็นลูกค้าหลักอันดับ 1 มีมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์คิดเป็นสัดส่วนมากสุด 47.3% ของมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติงวด 9M66 ทำให้สถานะ Backlog คอนโดฯ สิ้น 3Q66 ที่มีราว 1.55 แสนล้านบาท (รวมคอนโดฯ JV 7.4 หมื่นล้านบาท) ที่เป็นส่วนของลูกค้าต่างชาติ สามารถโอนได้คล่องตัวขึ้น รวมถึงการระบายสต๊อกคอนโดฯ พร้อมโอนฯ ที่มีอยู่ราว 1.29 แสนล้านบาท ทำได้มากขึ้น
โดยกลุ่มผู้ประกอบการที่เน้นพอร์ตคอนโดฯ และได้รับประโยชน์จากดีมานด์ลูกค้าต่างชาติ ได้แก่ NOBLE (9M66 มีลูกค้าต่างชาติสัดส่วน 26% ของยอดขาย และราว 20% ของยอดโอนฯ รวม) ตามด้วย ANAN (สิ้น 3Q66 มีสต๊อกคอนโดฯ พร้อมโอนฯ มากสุดด้วยมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท) รวมถึง SPALI, AP และ ORI ที่มีสต๊อกคอนโดฯ พร้อมโอนฯ ราว 1.4 หมื่นล้านบาท, 1.33 หมื่นล้านบาท และ 1.18 หมื่นล้านบาทตามลำดับ