บล. เคจีไอ ระบุ ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ แข็งค่าต่อ สะท้อนการที่ตลาดปรับมุมมองต่อช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ย หลังจากผู้ว่าการเฟดสาขา Richmo nd เตือนว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังมีความเป็นไปได้ ขณะที่รายงานการประชุมเฟด (FOMC minutes) ที่ออกมาเมื่อคืนชี้ว่ากรรมการเฟดยังไม่แน่ใจถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2567 ii) ( ตัวเลขเศรษฐกิจหลักๆ ของสหรัฐฯ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน โดย ISM ภาคการผลิตเดือน ธ.ค. 2566 อยู่ที่ 47.4 (ตลาดคาด 47.1; เดือน พ.ย. 46.7) แต่ตัวเลขตาแหน่งงานเปิดใหม่อ่อนแอกว่าคาด ออกมาที่ 8.79 ล้านคน (ตลาดคาด 8.85 ล้านคน; เดือน พ.ย. 8.85 ล้านคน)
iii) ((--//+) ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากมีข่าวว่าแกนนากลุ่มฮามาสถูกระเบิดเสียชีวิตในเลบานอน ขณะที่เช้านี้หลายประเทศในยุโรปรวมทั้งเยอรมัน ประกาศให้ประชาชนของเขาอพยพออกจากเลบานอนในทันที... ประเด็นนี้ ผนวกกับข่าวคนงานบ่อน้ำมันลิเบียสไตรค์ ได้ดันราคาน้ำมันดิบ WTi พุ่ง 3.51% และน่าจะหนุนให้หุ้นพลังงานพอยืนได้ในวันนี้ น่าจะจากัดความเสี่ยงทางลงของ SET Index
AMA (เป้าพื้นฐาน 14.6 บาท)
1) ประเมินแนวรับ 4.02 บาท / แนวต้าน 4.12 4.18 บาท กรณีฟื้นตัว Break ผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 4.3 บาท (Stop loss 3.92 บาท)
2) ประเมินราคาหุ้น Underperform ตลาดฯ มาก ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯคาดแนวโน้มผลการดาเนินงาน 4Q66 จะเริ่มฟื้นตัว QoQ เป็น 90 ล้านบาท และคาดจะดีต่อเนื่องในปี 2567 จากปริมาณการขนส่ง การเดินทางที่เพิ่มขึ้น (ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว)
3) Valuation ถูก ด้วย Forward PE 6.3 เท่า PBV 0.7 เท่า / Dividend yield > 6% ต่อปี
PSH (เป้าพื้นฐาน 14.6 บาท)
1) ประเมินแนวรับ 12. 2 บาท / แนวต้าน 12.4 12.6 บาท กรณีฟื้นตัว Break ผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 13 บาท (Stop loss 11.9 บาท)
2) ประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มอสังหาฯ ขณะที่ประเมิน Catalyst บวก i) ฝ่ายวิจัยฯ คาดยอดขาย Presales 4Q66 จะกลับมาโต YoY, QoQ ii) ประเมินการเว้นวีซ่าจีน ไทย ถาวร จะมีส่วนช่วยหนุน Demand อสังหาฯ จากชาวจีนให้ฟื้นตัวกลับมาได้
3) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินธุรกิจด้านสุขภาพจะเริ่มผ่านจุดคุ้มทุนแล้ว โดย EBT เริ่มพลิกเป็นบวกใน 3Q66 และจะหนุนการเติบโตในอนาคต 4) PBV 0.6 เท่า คิดเป็นราว 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต ขณะที่คาด Dividend yield +8% ต่อปี (คาดปันผลปีละ 1 บาท)
AH (เป้า Consensus 42.3 บาท)
1) ประเมินแนวรับ 29 บาท และ 28.5 บาท / แนวต้าน 30.25-31 บาท กรณีฟื้นตัว Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 32 บาท (Stop loss 27.5 บาท)
2) ประเมินราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรถอีวี ขณะที่ AH เป็นตัวแทนจาหน่ายรถยนต์อีวีแบรนด์ “Changan” และคาดธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์จะได้ประโยชน์จากการขยายการลงทุนของค่ายรถอีวีทั้งจีนและญี่ปุ่นในไทย
3) การขายธุรกิจที่อินเดียมูลค่า 2.6 พันล้านบาท คาดจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องภาระหนี้สิน (DE ณ 3Q66 = 1.3 เท่า) และเงินกู้ระยะยาวที่จะครบกาหนดชาระใน 1 ปี ราว 2 พันล้านบาท
4) Valuation ถูกด้วย Forwar d PE 5. 4 เท่าคาด Dividend yield ปีนี้ > 6% ต่อปี
iii) ((--//+) ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากมีข่าวว่าแกนนากลุ่มฮามาสถูกระเบิดเสียชีวิตในเลบานอน ขณะที่เช้านี้หลายประเทศในยุโรปรวมทั้งเยอรมัน ประกาศให้ประชาชนของเขาอพยพออกจากเลบานอนในทันที... ประเด็นนี้ ผนวกกับข่าวคนงานบ่อน้ำมันลิเบียสไตรค์ ได้ดันราคาน้ำมันดิบ WTi พุ่ง 3.51% และน่าจะหนุนให้หุ้นพลังงานพอยืนได้ในวันนี้ น่าจะจากัดความเสี่ยงทางลงของ SET Index
AMA (เป้าพื้นฐาน 14.6 บาท)
1) ประเมินแนวรับ 4.02 บาท / แนวต้าน 4.12 4.18 บาท กรณีฟื้นตัว Break ผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 4.3 บาท (Stop loss 3.92 บาท)
2) ประเมินราคาหุ้น Underperform ตลาดฯ มาก ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯคาดแนวโน้มผลการดาเนินงาน 4Q66 จะเริ่มฟื้นตัว QoQ เป็น 90 ล้านบาท และคาดจะดีต่อเนื่องในปี 2567 จากปริมาณการขนส่ง การเดินทางที่เพิ่มขึ้น (ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว)
3) Valuation ถูก ด้วย Forward PE 6.3 เท่า PBV 0.7 เท่า / Dividend yield > 6% ต่อปี
PSH (เป้าพื้นฐาน 14.6 บาท)
1) ประเมินแนวรับ 12. 2 บาท / แนวต้าน 12.4 12.6 บาท กรณีฟื้นตัว Break ผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 13 บาท (Stop loss 11.9 บาท)
2) ประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มอสังหาฯ ขณะที่ประเมิน Catalyst บวก i) ฝ่ายวิจัยฯ คาดยอดขาย Presales 4Q66 จะกลับมาโต YoY, QoQ ii) ประเมินการเว้นวีซ่าจีน ไทย ถาวร จะมีส่วนช่วยหนุน Demand อสังหาฯ จากชาวจีนให้ฟื้นตัวกลับมาได้
3) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินธุรกิจด้านสุขภาพจะเริ่มผ่านจุดคุ้มทุนแล้ว โดย EBT เริ่มพลิกเป็นบวกใน 3Q66 และจะหนุนการเติบโตในอนาคต 4) PBV 0.6 เท่า คิดเป็นราว 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต ขณะที่คาด Dividend yield +8% ต่อปี (คาดปันผลปีละ 1 บาท)
AH (เป้า Consensus 42.3 บาท)
1) ประเมินแนวรับ 29 บาท และ 28.5 บาท / แนวต้าน 30.25-31 บาท กรณีฟื้นตัว Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 32 บาท (Stop loss 27.5 บาท)
2) ประเมินราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรถอีวี ขณะที่ AH เป็นตัวแทนจาหน่ายรถยนต์อีวีแบรนด์ “Changan” และคาดธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์จะได้ประโยชน์จากการขยายการลงทุนของค่ายรถอีวีทั้งจีนและญี่ปุ่นในไทย
3) การขายธุรกิจที่อินเดียมูลค่า 2.6 พันล้านบาท คาดจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องภาระหนี้สิน (DE ณ 3Q66 = 1.3 เท่า) และเงินกู้ระยะยาวที่จะครบกาหนดชาระใน 1 ปี ราว 2 พันล้านบาท
4) Valuation ถูกด้วย Forwar d PE 5. 4 เท่าคาด Dividend yield ปีนี้ > 6% ต่อปี