จิปาถะ

หมอหนุ่มร่ายยาว เงินเดือน 2.2 แสน ที่ไทยไม่พอใช้


05 มกราคม 2567

หมอหนุ่ม โพสต์ร่ายยาวเงินเดือน 2.2 แสน อยู่ที่ไทยไม่พอใช้ แจงยิบจ่ายค่าอะไรบ้าง อัดสวัสดิการรัฐไม่หนุน ยินดีกับทุกคนที่ได้ย้ายประเทศ

หมอหนุ่มร่ายยาว.jpg

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2567 ในโลกออนไลน์แห่แชร์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่อ้างเป็นแพทย์เฉพาะทาง โพสต์ข้อความระบายความในใจลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก "โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย" ซึ่งมีสมาชิกกว่า 1.1 ล้านคน ระบุว่า อยากย้ายประเทศ เพราะทำงานเท่าไหร่ก็มีค่าใช้จ่ายไม่พอใช้ แม้จะมีรายได้เดือน 2.2 แสนก็ไม่พอที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี เนื่องจากประเทศไม่มีสวัสดิการมาสนับสนุนประชาชน โดยเฉพาะเมื่อมีลูกต้องวางแผนเพื่ออนาคต ทั้งเรื่องการศึกษา เจ็บป่วย และภาษี 

โดยทางผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า "เราอยากย้ายประเทศมากๆ อยากเปิดโอกาสให้ตัวเองดู ที่ไหนก็ได้ที่อาจไปได้ ติดอย่างเดียวคือภรรยาไม่เอาด้วยเลย เขาไม่อยากไป เราเลือกเขาแล้ว ก็ต้องอยู่ด้วยกันไป แต่เรามองชีวิตทุกวันนี้แล้วเราซึมๆ ยังไงไม่รู้

รู้สึกแค่ว่าทำงานเท่าไหร่ ก็ไม่เพียงพอที่จะได้คุณภาพชีวิตที่ดี เราเป็นแพทย์เฉพาะทาง รายได้ประมาณ 220K ต่อเดือน มีลูก 1 คน ภรรยาที่ลาออกมาดูลูก fulltime แต่พอแจกแจงรายละเอียดต่อเดือนแล้ว เราแทบไม่เหลือเงินพอต่อเดือนที่จะทำตามฝันตัวเองได้

-ค่าบ้าน 40,000 ต่อเดือน
-ค่ารถ 13,000 ต่อเดือน
-ค่าเงินเดือนภรรยา 30,000 ต่อเดือน (เราตั้งใจให้เลย เพราะงานดูแลลูก+บ้าน เราคิดว่าเหนื่อยมาก)
-ค่าประกันลูก+รถ+ชีวิต 20,000 ต่อเดือน
-ค่าลดหย่อนภาษี 30,000 ต่อเดือน
-ค่าเทอมลูกในอนาคต 25,000 ต่อเดือน (แพลน english program ร.ร.เอกชน)
-ค่าใช้จ่ายกองกลางในบ้าน 20,000 ต่อเดือน
-เงินใช้จ่ายส่วนตัว 15,000 ต่อเดือน
-เงินออมส่วนตัว 15,000 ต่อเดือน

อันนี้ยังไม่รวมภาษีที่ต้องจ่ายต่อปีอีกประมาณ 60,000 บาท เราโชคดีที่พ่อแม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ท่านดูแลตัวเองได้ เราประหยัด ใช้รถไม่แพง ไม่มีของแบรนเนม เลิกคิดเรื่องไปเที่ยวไกล ๆ เพราะว่าต้องดูแลครอบครัวก่อน

เราเชื่อว่านี่เป็น ค่าใช้จ่ายที่ทุกคนจะต้องเจอ เรารู้สึกว่าประเทศเราไม่มีสวัสดิการใด ๆ จะมา support ช่วยเราให้ชีวิตง่ายขึ้นคุ้มกับภาษีที่เสียไปเลย

– เราต้องเสียเวลาที่จะอยู่กับครอบครัวไปบนท้องถนนมากเท่าไหร่ต่อวัน

– การมีลูกที่เราต้องดูแลลูกเองทุกอย่าง การเจ็บป่วย ที่ใครมีลูกเล็กจะรู้เลยว่าการไปรอคิวนานๆ ไม่สามารถทำได้จริง วัคซีนที่ดี ๆ ที่เราต้องจ่ายเองเพิ่ม รวมถึงการศึกษาของลูกซึ่ง ร.ร.รัฐที่ค่าใช้จ่ายไม่แพงไม่เพียงพอต่ออนาคตลูก การลาคลอดของแม่ที่ได้เพียงแค่สามเดือน แล้วหลังจากนั้นต้องโดนกึ่งบังคับกลับไปทำงานต่อ ทั้ง ๆ ที่นมแม่ควรจะให้ลูกถึง 6 เดือน

– ค่าบ้านในกรุงเทพซึ่งเป็นปัจจัย 4 ซึ่งแพงจนเราคิดว่า มันไม่สมดุลกับรายได้คนส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก แพงโดยไร้การควบคุมใด ๆ

– ภาษีที่ต้องจ่ายไป ต้องหารายได้มาลดหย่อนให้มากที่สุด เพราะรู้สึกไม่คุ้มที่จะจ่าย ข่าวโกงกินเยอะมาก ข่าวกู้เงินมาแจก คนที่ไม่เคยคิดจะเสียภาษี แล้วเราต้องเป็นหนี้โดนเงินที่จ่ายไป จะไม่ได้นำมาทำให้เกิดประโยชน์มากกว่านี้

– เราว่าขนาดเราหารายได้ได้เยอะระดับนึง ยังคิดว่าเราเหนื่อยเลย ที่ต้องดูแลครอบครัวแบบนี้ แบบที่เราตั้งใจจะทำให้ได้ แล้วคนอีกตั้งเยอะที่เขาได้ไม่เยอะเท่าเรา เขาจะลำบากอีกแค่ไหน 

เห็นกระทู้คนย้ายสำเร็จทุกครั้ง ก็ได้แต่ดีใจด้วย ยิ่งได้อ่านสวัสดิการของประเทศอื่นที่ดี ๆ ก็ได้ยิ่งดีใจกับคนนั้นไปใหญ่ ว่าเค้าจะได้เบาแรงลง หาเงินได้ ดูแลครอบครัวได้ มีเงินเก็บมากขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ยินดีกับทุกคนที่ย้ายได้สำเร็จจริงๆ ครับ"

ที่มา : https://www.tnews.co.th/social/social-news/603225