บล.ยูโอบีเคย์เฮียน(ประเทศไทย) ระบุว่า ความกังวลการผิดนัดชำระในตลาดตราสารหนี้กลับมากดดันตลาด โดยการขอเลื่อนนัดชำระเงินต้นสร้างแรงกดดันต่อภาพรวมการลงทุนและอาจเป็นความเสี่ยงต่อการตั้งสำรองของกลุ่มธนาคาร ช่วง 3 เดือนที่ผ่าน มีบริษัทจำนวนหนึ่งพบปัญหาสภาพคล่องจนเริ่มไม่สามารถชำระคืนเงินต้น และมีการขอเลื่อนชำระคืนเงินต้นออกไป ซึ่งล่าสุดมีทั้งบริษัทนอกตลาดอย่าง สยามนุวัตร (SNW) และบริษัทจดทะเบียน อย่าง อิตาเลียนไทย (ITD) ซึ่งในกรณีของ ITD มีเจ้าหนี้ทั้งหุ้นกู้ และสถาบันการเงิน จึงทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับ 1) ปัญหาการผิดนัดชำระที่อาจจะลุกลามไปยังการผิดนัดชำระของหุ้นกู้อื่นๆ 2) ความเสี่ยงการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ หลังความเสี่ยงของลูกหนี้ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งแม้มีโอกาสที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้จะผ่อนผันยอมให้เลื่อนเวลาชำระคืนเงินต้น แต่ด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น และการตั้งสำรองของธนาคารที่อิงตาม risk base เรามองมีความเสี่ยงที่กลุ่มธนาคารอาจจะต้องตั้งสำรองบางส่วนได้

จับตาแนวคิดรัฐบาลออกกองทุนพยุงตลาดตราสารหนี้ ภาวะต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ประกอบกับความจำเป็นในการออกพ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ขณะที่ตราสารหนี้ครบกำหนดในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท อาจเป็นความเสี่ยงให้ต้นทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สัญญาณของการเริ่มไม่สามารถชำระเงินต้นของบริษัทจำนวนหนึ่ง ทำให้เริ่มมีความเห็นสนับสนุนให้รัฐออกกองทุนพยุงหุ้นกู้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ และลดความเสี่ยงของตลาดเงินตลาดทุน
เรามองหากมีการจัดตั้งกองทุนจริง จะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยลดความเสี่ยงสภาพคล่องของบริษัทจำนวนมาก ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีหนี้ครบกำหนดชำระสูงในปีนี้ ได้แก่ ไฟแนนซ์และอสังหาริมทรัพย์
ภาพรวมกลยุทธ์ : จิตวิทยาเชิงลบและแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว มีโอกาสกดดัน SET Index ลงทดสอบใกล้ 1,400 จุด ช่วงสั้นอาจต้องระวังแรงทำกำไรในหุ้นที่ปรับขึ้นมาเยอะ กลุ่มธนาคารใกล้ประกาศผลประกอบการ เรามองธนาคารใหญ่ที่มีความเสี่ยงการตั้งสำรองต่ำมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี โครงการ Easy E-receipt บวกต่อการเก็งกำไรหุ้นท่องเที่ยวและค้าปลีก ขณะที่อาจเลือกเก็งหุ้นเล็กที่ยัง Laggard

จับตาแนวคิดรัฐบาลออกกองทุนพยุงตลาดตราสารหนี้ ภาวะต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ประกอบกับความจำเป็นในการออกพ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ขณะที่ตราสารหนี้ครบกำหนดในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท อาจเป็นความเสี่ยงให้ต้นทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สัญญาณของการเริ่มไม่สามารถชำระเงินต้นของบริษัทจำนวนหนึ่ง ทำให้เริ่มมีความเห็นสนับสนุนให้รัฐออกกองทุนพยุงหุ้นกู้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ และลดความเสี่ยงของตลาดเงินตลาดทุน
เรามองหากมีการจัดตั้งกองทุนจริง จะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยลดความเสี่ยงสภาพคล่องของบริษัทจำนวนมาก ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีหนี้ครบกำหนดชำระสูงในปีนี้ ได้แก่ ไฟแนนซ์และอสังหาริมทรัพย์
ภาพรวมกลยุทธ์ : จิตวิทยาเชิงลบและแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว มีโอกาสกดดัน SET Index ลงทดสอบใกล้ 1,400 จุด ช่วงสั้นอาจต้องระวังแรงทำกำไรในหุ้นที่ปรับขึ้นมาเยอะ กลุ่มธนาคารใกล้ประกาศผลประกอบการ เรามองธนาคารใหญ่ที่มีความเสี่ยงการตั้งสำรองต่ำมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี โครงการ Easy E-receipt บวกต่อการเก็งกำไรหุ้นท่องเที่ยวและค้าปลีก ขณะที่อาจเลือกเก็งหุ้นเล็กที่ยัง Laggard
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
โบรกฯ คาดกลุ่มนิคมฯ-ชิ้นส่วนฯ วันนี้อาจฟื้นตัวแรง หลัง “ทรัมป์” เลื่อนขึ้นภาษี 90 วัน
%20copy_0.jpg)
3 หุ้นไทยรับปัจจัยบวก หลังศาลฯ มีคำสั่งห้าม “เนสท์เล่” ผลิต และจำหน่าย “เนสกาแฟ” ในไทย
%20copy_0.jpg)
เปิดชื่อหุ้น SET 100 อ่วม! รับพิษ Reciprocal tariff คาดกลุ่มนิคมฯ-อิเล็กฯ-โภคภัณฑ์ฟื้น
%20copy_0.jpg)
ทองเด้งแรง! วันนี้บวก 300 บาท ยืนเหนือระดับ 50,000 บาท จีน-สหรัฐ ตึงเครียด สงครามการค้า
%20copy_0.jpg)