จิปาถะ
ลุ้นราคาทองคำทะลุ 2,300 ดอลลาร์ YLG ชี้คนรุ่นใหม่เข้าลงทุนเพียบ เปิด 4 เทคนิค ลงทุนให้ปัง!
11 มกราคม 2567
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ย้ำปีนี้ทองคำภาพรวมเป็นขาขึ้น มีโอกาสทำนิวไฮที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนะนักลงทุนหน้าใหม่ยังมีโอกาสเข้าเล่นรอบเก็งกำไรระยะสั้น เผยปีนี้นักลงทุนรุ่นใหม่เบนเข็มสู่ตลาดทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะการเทรดทองออนไลน์ พร้อมเปิด 4 เทคนิค ลงทุนทองอย่างไรให้ปัง
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG กล่าวว่า ภาพรวมการเคลื่อนไหวของทองคำปี 2567 จะยังคงเป็นขาขึ้น และมีโอกาสทำนิวไฮ เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำมีมากกว่าปัจจัยลบ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ เข้าสู่วงจรขาลง อีกทั้งความกังวลการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกับทางด้านเจพีมอร์แกน ที่คาดการณ์ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยจะพุ่งทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ระหว่างทางจะมีแรงเทขายทำกำไรสลับออกมา นักลงทุนจึงต้องซื้อขายอย่างระมัดระวัง
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนทองคำในปีนี้ แต่กังวลว่าราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงนั้น มองว่าสามารถเข้ามาลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยรอเข้าซื้อจังหวะที่ราคาปรับตัวลงมาทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไป 1,982 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 2,071-2,089 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ประเมินแนวรับที่บริเวณ 32,800-33,100 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านพิจารณาที่โซน 34,300-34,600 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 34.95 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 9 มกราคม 2567 เวลา 15.35 น.)
อย่างไรก็ดี ปี 2567 เป็นปีที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่สำหรับตลาดทองคำ เนื่องจากมีนักลงทุนรุ่นใหม่เข้ามาลงทุนในทองคำมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดสัดส่วนนักลงทุนทองคำออนไลน์ พบว่ามีอายุต่ำกว่า 40 ปี มากขึ้นเกือบครึ่ง อย่างไรก็ดี แม้ว่านักลงทุนรุ่นใหม่จะสนใจลงทุนทองคำแบบซื้อ-ขาย เล่นรอบ แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องการซื้อทองคำกายภาพเพื่อนำไปถือครองไว้ หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน เป็นต้น
โดย วายแอลจี มีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ในการลงทุนทองคำเพื่อให้ได้กำไรที่ดี มีดังนี้
1. เลือกลงทุนผ่านร้านทองที่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากปัจจุบันมิจฉาชีพหลอกลงทุนในทองคำมีจำนวนมาก โดยมีจุดสังเกตคือจะมีข้อความจูงใจว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงเกินความเป็นจริง ภายในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ แม้ว่าเพจต่างๆ จะนำรูปของผู้บริหารร้านทอง และรูปทองที่มีสัญลักษณ์ร้านทองที่มีชื่อเสียงไปใช้ในการโปรโมต ก็ไม่ได้การันตีว่าเป็นเพจจริงเสมอไป ซึ่งหากนักลงทุนไม่แน่ใจ สามารถตรวจสอบรายชื่อสมาชิกค้าทองคำแห่งประเทศไทยได้จากสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย
2. ลงทุนในทองคำ 99.99 ทำกำไรได้ดีกว่า 96.5 เนื่องจากทอง 99.99 เป็นที่ยอมรับในระดับโลก สามารถนำไปขายที่ตลาดต่างประเทศได้ รวมถึงให้ส่วนต่างราคาที่ดีกว่า 96.5 โดยทองคำ 99.99 ที่จะนำไปขายต่างประเทศนั้น จะต้องเป็นทองคำที่ซื้อจากร้านที่ได้รับการรองรับจากสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน หรือ LBMA
3. ไม่ไล่ราคาขณะที่ทองคำปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง หากต้องการเล่นรอบเพื่อทำกำไร ควรจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ และรอให้ราคาปรับตัวลงก่อน เพื่อรอทดสอบตามบริเวณแนวรับที่มีนัยสำคัญ แล้วค่อยพิจารณาเข้าซื้อ
4. สำหรับการลงทุนในทองคำกายภาพ หากต้องการซื้อเพื่อลงทุน การลงทุนในทองคำแท่งจะมีต้นทุนต่ำกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากไม่มีค่ากำเหน็จ อีกทั้งขายได้ราคาดีกว่า สามารถขายได้ตามราคาเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ แต่ทองรูปพรรณนอกจากโดนหักค่ากำเหน็จแล้ว หากไม่ได้นำไปขายร้านเดิมที่ซื้อมา จะได้ราคาต่ำกว่า
ที่มา : https://www.thairath.co.th/money/investment/gold/2754155
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG กล่าวว่า ภาพรวมการเคลื่อนไหวของทองคำปี 2567 จะยังคงเป็นขาขึ้น และมีโอกาสทำนิวไฮ เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำมีมากกว่าปัจจัยลบ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ เข้าสู่วงจรขาลง อีกทั้งความกังวลการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกับทางด้านเจพีมอร์แกน ที่คาดการณ์ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยจะพุ่งทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ระหว่างทางจะมีแรงเทขายทำกำไรสลับออกมา นักลงทุนจึงต้องซื้อขายอย่างระมัดระวัง
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนทองคำในปีนี้ แต่กังวลว่าราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงนั้น มองว่าสามารถเข้ามาลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยรอเข้าซื้อจังหวะที่ราคาปรับตัวลงมาทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไป 1,982 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 2,071-2,089 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ประเมินแนวรับที่บริเวณ 32,800-33,100 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านพิจารณาที่โซน 34,300-34,600 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 34.95 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 9 มกราคม 2567 เวลา 15.35 น.)
อย่างไรก็ดี ปี 2567 เป็นปีที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่สำหรับตลาดทองคำ เนื่องจากมีนักลงทุนรุ่นใหม่เข้ามาลงทุนในทองคำมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดสัดส่วนนักลงทุนทองคำออนไลน์ พบว่ามีอายุต่ำกว่า 40 ปี มากขึ้นเกือบครึ่ง อย่างไรก็ดี แม้ว่านักลงทุนรุ่นใหม่จะสนใจลงทุนทองคำแบบซื้อ-ขาย เล่นรอบ แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องการซื้อทองคำกายภาพเพื่อนำไปถือครองไว้ หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน เป็นต้น
โดย วายแอลจี มีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ในการลงทุนทองคำเพื่อให้ได้กำไรที่ดี มีดังนี้
1. เลือกลงทุนผ่านร้านทองที่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากปัจจุบันมิจฉาชีพหลอกลงทุนในทองคำมีจำนวนมาก โดยมีจุดสังเกตคือจะมีข้อความจูงใจว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงเกินความเป็นจริง ภายในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ แม้ว่าเพจต่างๆ จะนำรูปของผู้บริหารร้านทอง และรูปทองที่มีสัญลักษณ์ร้านทองที่มีชื่อเสียงไปใช้ในการโปรโมต ก็ไม่ได้การันตีว่าเป็นเพจจริงเสมอไป ซึ่งหากนักลงทุนไม่แน่ใจ สามารถตรวจสอบรายชื่อสมาชิกค้าทองคำแห่งประเทศไทยได้จากสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย
2. ลงทุนในทองคำ 99.99 ทำกำไรได้ดีกว่า 96.5 เนื่องจากทอง 99.99 เป็นที่ยอมรับในระดับโลก สามารถนำไปขายที่ตลาดต่างประเทศได้ รวมถึงให้ส่วนต่างราคาที่ดีกว่า 96.5 โดยทองคำ 99.99 ที่จะนำไปขายต่างประเทศนั้น จะต้องเป็นทองคำที่ซื้อจากร้านที่ได้รับการรองรับจากสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน หรือ LBMA
3. ไม่ไล่ราคาขณะที่ทองคำปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง หากต้องการเล่นรอบเพื่อทำกำไร ควรจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ และรอให้ราคาปรับตัวลงก่อน เพื่อรอทดสอบตามบริเวณแนวรับที่มีนัยสำคัญ แล้วค่อยพิจารณาเข้าซื้อ
4. สำหรับการลงทุนในทองคำกายภาพ หากต้องการซื้อเพื่อลงทุน การลงทุนในทองคำแท่งจะมีต้นทุนต่ำกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากไม่มีค่ากำเหน็จ อีกทั้งขายได้ราคาดีกว่า สามารถขายได้ตามราคาเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ แต่ทองรูปพรรณนอกจากโดนหักค่ากำเหน็จแล้ว หากไม่ได้นำไปขายร้านเดิมที่ซื้อมา จะได้ราคาต่ำกว่า
ที่มา : https://www.thairath.co.th/money/investment/gold/2754155