ธุรกิจขนส่ง รับอานิสงส์เศรษฐกิจไทยปีนี้โตกว่า 3% หนุนภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวต่อเนื่อง ดันผลงานบมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) รายได้โตไม่ต่ำกว่า 15%
เศรษฐกิจไทยในปี 2567 นี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดการณ์ว่า GDP จะขยายตัวได้ 3.2% (ยังไม่รวมผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต) การส่งออก พลิกกลับมาโต 3% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 2% หนี้ครัวเรือน ลดลงมาอยู่ที่ 87.8% ต่อ GDP และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน
โดยปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ได้แก่ การฟื้นตัวอย่างชัดเจนของภาคการท่องเที่ยว, การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวในเกณฑ์ดี, การลงทุนภาคเอกชน ยังฟื้นตัวได้ดี, การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวเป็นบวก, อัตราเงินเฟ้อมีสัญญาณชะลอตัว และรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยที่เติบโตดีขึ้น สนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากขึ้น เห็นได้จากการเติบโตของภาคธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มขนส่ง ซึ่ง “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ระบุทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 67 คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 66 ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร
เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) รวมทั้ง ครึ่งปีแรกของปี 67 บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยาย Fleet รถประมาณ 50 คัน แบ่งเป็นรถ Mixer ประมาณ 40 คัน รถเทรลเลอร์ ประมาณ 10 คัน เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง
บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15% จากการขยาย Fleet รถ รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ โดยเฉพาะรถที่เพิ่มในระหว่างปี 66 กว่า 100 คัน ให้เต็มประสิทธิภาพ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก TDM ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
"ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่บริษัทฯ รุกขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะการร่วมมือกับกลุ่มคาราบาว ในการจัดตั้ง TDM และการขยาย Fleet รถกว่า 100 คัน เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการภาครัฐ และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งถือว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนที่ตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนปี 67 บริษัทฯ ยังคงมีแผนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของการมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดร่วมกัน รวมถึงการขยาย Fleet รถเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้รถ ซึ่งจะสนับสนุนผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของรายได้และกำไรในอนาคตให้เติบโตได้อย่างยังยืนและมีคุณภาพ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นมากขึ้น" นางสุวรรณา กล่าว
ซึ่งปัจจุบัน MENA มีรถขนส่งให้บริการ 780 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 571 คัน รถเทรลเลอร์ 61 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 108 หาง หางรถบรรทุกอาหารสัตว์ 26 คัน และรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 14 คัน โดยมีแผนขยาย Fleet รถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทรลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งบริษัทตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 830 คันภายในกลางปี 67
เศรษฐกิจไทยในปี 2567 นี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดการณ์ว่า GDP จะขยายตัวได้ 3.2% (ยังไม่รวมผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต) การส่งออก พลิกกลับมาโต 3% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 2% หนี้ครัวเรือน ลดลงมาอยู่ที่ 87.8% ต่อ GDP และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน
โดยปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ได้แก่ การฟื้นตัวอย่างชัดเจนของภาคการท่องเที่ยว, การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวในเกณฑ์ดี, การลงทุนภาคเอกชน ยังฟื้นตัวได้ดี, การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวเป็นบวก, อัตราเงินเฟ้อมีสัญญาณชะลอตัว และรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยที่เติบโตดีขึ้น สนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากขึ้น เห็นได้จากการเติบโตของภาคธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มขนส่ง ซึ่ง “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ระบุทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 67 คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 66 ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร
เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) รวมทั้ง ครึ่งปีแรกของปี 67 บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยาย Fleet รถประมาณ 50 คัน แบ่งเป็นรถ Mixer ประมาณ 40 คัน รถเทรลเลอร์ ประมาณ 10 คัน เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง
บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15% จากการขยาย Fleet รถ รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ โดยเฉพาะรถที่เพิ่มในระหว่างปี 66 กว่า 100 คัน ให้เต็มประสิทธิภาพ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก TDM ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
"ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่บริษัทฯ รุกขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะการร่วมมือกับกลุ่มคาราบาว ในการจัดตั้ง TDM และการขยาย Fleet รถกว่า 100 คัน เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการภาครัฐ และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งถือว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนที่ตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนปี 67 บริษัทฯ ยังคงมีแผนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของการมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดร่วมกัน รวมถึงการขยาย Fleet รถเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้รถ ซึ่งจะสนับสนุนผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของรายได้และกำไรในอนาคตให้เติบโตได้อย่างยังยืนและมีคุณภาพ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นมากขึ้น" นางสุวรรณา กล่าว
ซึ่งปัจจุบัน MENA มีรถขนส่งให้บริการ 780 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 571 คัน รถเทรลเลอร์ 61 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 108 หาง หางรถบรรทุกอาหารสัตว์ 26 คัน และรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 14 คัน โดยมีแผนขยาย Fleet รถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทรลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งบริษัทตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 830 คันภายในกลางปี 67