เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 15-01-24
15-01-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 37,592.98 จุด ลดลง 118.04 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,783.83 จุด เพิ่มขึ้น 3.59 จุด หรือ +0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,972.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.58 จุด หรือ +0.02%
***รายงานข่าวระบุว่าดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (12 ม.ค.) น่าจะเกี่ยวเนื่องมาจากการเปิดเผยผลประกอบการที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทางของธนาคารต่าง ๆ นั้นได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดซึ่งสนับสนุนความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
***ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์ โดยดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 1.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3% จากระดับ 0.8% ในเดือนพ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไปลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนพ.ย.
***ส่วนตลาดหุ้นไทยเราน๊านนนน เซียนหุ้นประเมินสัญญาณทางเทคนิคสัปดาห์นี้ (15-19 ม.ค.) ให้แนวรับที่ 1,400 และ 1,390 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,435 และ 1,455 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ. ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนละอังกฤษ รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
***กำลังร้อนระอุมั่กมากๆๆๆๆ กับเรื่องผลกระทบของ ปตท. จากมติคณะรัฐมนตรีเรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า โดยศุกร์ที่ผ่านมามีการประชุมบอร์ดของ ปตท. มีการรายงานว่าจากการประมาณการผลกระทบเบื้องต้นในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2567 จะทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของ ธุรกิจก๊าซฯ ของ ปตท. ปรับตัวลดลงประมาณ 6,500 ล้านบาท
***ในส่วนของ Shortfall ซึ่ง กกพ. ได้มีคำสั่งว่า ปตท. คำนวณราคา Pool Gas ไม่ถูกต้อง และให้ ปตท. นำ Shortfall ช่วงเดือนตุลาคม 2563 - ธันวาคม 2565 มูลค่ารวมประมาณ 4,300 ล้านบาท มาคำนวณในราคา Pool Gas นั้น ปตท. เชื่อว่าได้คำนวณราคา Pool Gas ถูกต้องและเป็นไปตามมติของ“กพช.” และประกาศ กกพ. ที่เกี่ยวของ รวมทั้งถูกต้องตามสัญญาซื้อขายก๊าซฯ มาโดยตลอด
***ที่ผ่านมา ปตท. จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อ กกพ. ปรากฏว่า กกพ. ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของ ปตท. โดยให้ ปตท. ปฏิบัติตามคำสั่งทันที และหาก ปตท. ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ กกพ. ก้อมีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง หรือยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตามระเบียบสำนกนายกรัฐมนตรีว่าดัวยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงาน ของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ กกพ.
***สรุปเรื่องราวนี้ ปตท.บอกว่า "เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของ กกพ. คณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 จึงได้มีมติอนุมัติให้ ปตท. ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ กกพ. โดย ปตท. จะพิจารณาแนวทางดำเนินการหรือการใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเป็นและสมควรต่อไป"
***เจ๊จิ๋มบอกได้แค่ว่า..ในส่วนของผู้ถือหุ้นของปตท.และนักลงทุนรายย่อยตาดำๆ ก้อคือ "โปรดติดตามตอนต่อไป" แต่สำหรับเจ๊นะ..ตอนนี้ขอลดความเสี่ยง ขายหุ้นออกก่อนและหลบภัยไปเล่นตัวอื่นๆ พลางๆ ก่อนนะ..รอให้ชัดเจนก่อนค่อยมาพิจารณาเรื่องการลงทุนและราคาเหมาะสมอีกที!!!
***เหตุผลซัพพอร์ตเรื่องที่ต้องลดความเสี่ยงเพราะว่าก่อนหน้านี้มีเซียนหุ้นออกบทวิเคราะห์เกี่ยวเนื่องจากเรื่องดังกล่าว ได้ปรับลดประมาณการเบื้องต้นของทั้ง PTT และ PTTGC ซึ่งจะกระทบกำไรของ PTT ราว 1.5-2.0 หมื่นล้านบาทต่อปี และจะกระทบกำไรของ PTTGC ราว 5.0-7.0 พันล้านบาทต่อปี และรวมผลกระทบจากการเรียกเก็บเงิน Shortfall 4.3 พันล้านบาท คืนให้กับภาครัฐด้วย ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ของ PTT ลดลงมาอยู่ที่ 36 บาท/หุ้น (เดิม 41 บาท) และ PTTGC ลดลงมาอยู่ที่ 36 บาท/หุ้น (เดิม 48 บาท)
15-01-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 37,592.98 จุด ลดลง 118.04 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,783.83 จุด เพิ่มขึ้น 3.59 จุด หรือ +0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,972.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.58 จุด หรือ +0.02%
***รายงานข่าวระบุว่าดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (12 ม.ค.) น่าจะเกี่ยวเนื่องมาจากการเปิดเผยผลประกอบการที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทางของธนาคารต่าง ๆ นั้นได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดซึ่งสนับสนุนความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
***ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์ โดยดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 1.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3% จากระดับ 0.8% ในเดือนพ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไปลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนพ.ย.
***ส่วนตลาดหุ้นไทยเราน๊านนนน เซียนหุ้นประเมินสัญญาณทางเทคนิคสัปดาห์นี้ (15-19 ม.ค.) ให้แนวรับที่ 1,400 และ 1,390 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,435 และ 1,455 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ. ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนละอังกฤษ รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
***กำลังร้อนระอุมั่กมากๆๆๆๆ กับเรื่องผลกระทบของ ปตท. จากมติคณะรัฐมนตรีเรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า โดยศุกร์ที่ผ่านมามีการประชุมบอร์ดของ ปตท. มีการรายงานว่าจากการประมาณการผลกระทบเบื้องต้นในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2567 จะทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของ ธุรกิจก๊าซฯ ของ ปตท. ปรับตัวลดลงประมาณ 6,500 ล้านบาท
***ในส่วนของ Shortfall ซึ่ง กกพ. ได้มีคำสั่งว่า ปตท. คำนวณราคา Pool Gas ไม่ถูกต้อง และให้ ปตท. นำ Shortfall ช่วงเดือนตุลาคม 2563 - ธันวาคม 2565 มูลค่ารวมประมาณ 4,300 ล้านบาท มาคำนวณในราคา Pool Gas นั้น ปตท. เชื่อว่าได้คำนวณราคา Pool Gas ถูกต้องและเป็นไปตามมติของ“กพช.” และประกาศ กกพ. ที่เกี่ยวของ รวมทั้งถูกต้องตามสัญญาซื้อขายก๊าซฯ มาโดยตลอด
***ที่ผ่านมา ปตท. จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อ กกพ. ปรากฏว่า กกพ. ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของ ปตท. โดยให้ ปตท. ปฏิบัติตามคำสั่งทันที และหาก ปตท. ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ กกพ. ก้อมีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง หรือยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตามระเบียบสำนกนายกรัฐมนตรีว่าดัวยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงาน ของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ กกพ.
***สรุปเรื่องราวนี้ ปตท.บอกว่า "เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของ กกพ. คณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 จึงได้มีมติอนุมัติให้ ปตท. ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ กกพ. โดย ปตท. จะพิจารณาแนวทางดำเนินการหรือการใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเป็นและสมควรต่อไป"
***เจ๊จิ๋มบอกได้แค่ว่า..ในส่วนของผู้ถือหุ้นของปตท.และนักลงทุนรายย่อยตาดำๆ ก้อคือ "โปรดติดตามตอนต่อไป" แต่สำหรับเจ๊นะ..ตอนนี้ขอลดความเสี่ยง ขายหุ้นออกก่อนและหลบภัยไปเล่นตัวอื่นๆ พลางๆ ก่อนนะ..รอให้ชัดเจนก่อนค่อยมาพิจารณาเรื่องการลงทุนและราคาเหมาะสมอีกที!!!
***เหตุผลซัพพอร์ตเรื่องที่ต้องลดความเสี่ยงเพราะว่าก่อนหน้านี้มีเซียนหุ้นออกบทวิเคราะห์เกี่ยวเนื่องจากเรื่องดังกล่าว ได้ปรับลดประมาณการเบื้องต้นของทั้ง PTT และ PTTGC ซึ่งจะกระทบกำไรของ PTT ราว 1.5-2.0 หมื่นล้านบาทต่อปี และจะกระทบกำไรของ PTTGC ราว 5.0-7.0 พันล้านบาทต่อปี และรวมผลกระทบจากการเรียกเก็บเงิน Shortfall 4.3 พันล้านบาท คืนให้กับภาครัฐด้วย ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ของ PTT ลดลงมาอยู่ที่ 36 บาท/หุ้น (เดิม 41 บาท) และ PTTGC ลดลงมาอยู่ที่ 36 บาท/หุ้น (เดิม 48 บาท)