ผลพวงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการดําเนินงานของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTT) ประกอบด้วย (1) การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ (2) การส่งผ่านราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย กรณีผู้ผลิตไม่ สามารถส่งมอบก๊าซฯ ได้ตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายก๊าซฯ (Shortfall)
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา PTT ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงผลกระทบจาก 2 เรื่องสำคัญคือ 1) การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ และ 2) การส่งผ่านราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย กรณีผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบก๊าซฯ ได้ตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายก๊าซฯ (Shortfall)
โดยกรณีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ส่งผลให้ต้นทุนของโรงแยกก๊าซฯ เปลี่ยนเป็น Pool Gas ซึ่งจะสูงขึ้นจากเดิม PTT ประมาณการผลกระทบในช่วง ม.ค.-เม.ย. 67 จะทำให้ผลการดำเนินงานลดลง 6.5 พันล้านบาท
สำหรับในส่วนของ Shortfall คณะกรรมการ PTT มีมติอนุมัติให้ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ กกพ. กล่าวคือ การให้นำ Shortfall ข่วงเดือน ต.ค. 63-ธ.ค. 65 ราว 4.3 พันล้านบาท มาคำนวณในราคา Pool Gas โดย PTT จะพิจารณาแนวทางดำเนินการหรือการใช้สิทธิตามกฎหมายในกรณีที่จำเป็นและสมควรต่อไป
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) มองว่า เป็นลบอย่างมากต่อ PTT โดยผลกระทบรวมทั้งสองเรื่องสำคัญดังกล่าวสำหรับปีนี้จะอยู่ที่ราว 2.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรทั้งปี
โดยหากยังมีแนวทาง Pool Gas ต่อเนื่องก็จะกระทบกำไรในปีถัดไปด้วย และที่สำคัญเราคาดว่าจะทำให้ PTT ไม่สามารถรักษาระดับเงินปันผลที่ 2 บ./หุ้นไว้ได้ หากประเมินว่า PTT ลดการจ่ายเงินปันผลเป็น 1.7-1.8 บ./หุ้น ราคาหุ้น PTT อาจลดลงได้ถึง 30-31 บ. เพื่อให้อัตราเงินปันผลกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
ดังนั้น ในระยะสั้น เรามองว่าควรหลีกเลี่ยงหุ้น PTT ไปก่อน จนกว่าราคาหุ้นจะลดลงมาในระดับราคาดังกล่าว จึงจะน่า “ซื้อ” อีกครั้ง