ค่าไฟฟ้า ปี 2567 ไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย เปิดข้อเสนอทางออกประเทศไทย ส่วนระยะกลาง/ยาว ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 3.00 บาท/หน่วย
วันที่ 16 มกราคม 2567 นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อเสนอทางออกค่าไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย ค่าไฟฟ้า ปี 2567 ไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย และระยะกลาง/ยาว ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 3.00 บาท/หน่วย 1.เร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน เพื่อลดภาระค่า Ft เพื่อให้ค่าไฟฟ้าปี 2567 ไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย
1.ขับเคลื่อนกลไกเชิงรุก ข้อเสนอแนวทางการบริหารคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เชิงรุก โดยยึดประโยชน์ ค่าครองชีพของภาคประชาชน และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นที่ตั้ง การช่วยภาคประชาสังคมเป็นสิ่งที่ดี แต่รัฐต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ อย่าเลือกวิธีที่ผลักภาระมาให้ภาคธุรกิจ
ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขัน คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เปรียบเสมือน ครม.เศรษฐกิจด้านพลังงาน ควรประสานทิศทางระหว่างกระทรวง และแนวทางการปรับลดค่าพลังงานและค่าไฟฟ้า เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับนโยบายไปดำเนินการเชิงรุก ลดความตื่นตระหนก ลดความสับสน และตอบโจทย์ประชาชนได้ เช่น ในการประกาศค่า Ft
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) การพิจารณาค่า Ft ขาดการปรับปรุงข้อมูลค่าพลังงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป (Up to Date/Dynamic ?) ความถูกต้อง ความโปร่งใสของข้อมูลที่นำมาใช้พิจารณาค่า Ft (ถูกต้อง เปิดเผย ตรวจสอบได้ ?)
ค่า Ft เผื่อปลอดภัยไว้ก่อนจนแพงเกินควรหรือไม่ (Very Conservative ?)
การเปิดรับฟังความเห็น ค่า Ft เนื้อหาเข้าใจยาก ขาดการมีส่วนร่วมในวงกว้าง (ตั้งธงไว้แล้ว ?)
1.2 บทบาทรัฐวิสาหกิจ : ควรสร้างความเข้มแข็ง ให้ EGAT ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐด้านความมั่นคงทางไฟฟ้าในทุกมิติ
1.2.1 ช่วยสภาพคล่องของ EGAT เช่น การชะลอส่งเงินเข้ากระทรวงการคลัง หรือหากจำเป็นก็ ReFinancing ออกพันธบัตรรัฐบาล
1.2.2 ให้ EGAT ดูแลหน่วยงาน System Operator (S.O.) เช่นเดิม
1.2.3 การสรรหา ผู้ว่าฯ EGAT ปราศจากการแทรกแซง
1.3 Supply over Demand : ควรแก้ไขของเดิม และไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต และผลักดันให้เกิดส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลังงาน ลดการนำเข้า Fossil
1.3.1 ค่า AP : ลด Margin ยืดเวลา
สัญญาเดิม : ยืดหยุ่นค่า AP สำหรับ IPP
สัญญาใหม่ : ลดผลตอบแทนลง (Low Risk, Low Return )
1.3.2 ไม่เร่งการเพิ่ม Supply โดยทบทวนแผน NEP ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Carbon Neutrality
1.3.3 เพิ่ม Demand การใช้ไฟฟ้า
สนับสนุน EV Bus & EV Truck โดยจัดทำมาตรการส่งเสริมการผลิตและการใช้ เหมือนกับมาตรการ Subsidy ยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน
ส่งเสริมการใช้ Heat Pump ในโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายการใช้เชื้อเพลิง และบำรุงรักษาได้ง่าย
1.4 ส่งเสริม และปลดล็อกพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ให้สะดวกและเป็นธรรม
สำหรับภาคครัวเรือน : ผลักดันมาตรการทางการเงินและการคลัง เพื่อจะสนับสนุนคนติดตั้ง Solar Rooftop
สำหรับภาคธุรกิจ : เนื่องจากธุรกิจ (โรงงาน/โรงแรม/โรงพยาบาล ฯลฯ) ที่ติดตั้ง Solar Rooftop กำลังผลิตเกิน 1 เมกะวัตต์ จะต้องขอใบอนุญาต รง.4 ใหม่ จึงควรผลักดันให้เกิดการปลดล็อก รง.4 เพื่อให้สามารถติดตั้ง Solar Rooftop ได้ โดยพิจารณาเฉพาะความปลอดภัยและโครงสร้างอาคาร
สนับสนุนการทำ Net Billing ในราคาที่สมเหตุผล
1.5 ปรับโครงสร้าง NG : ลด Margin NG ของ SPP/ลดค่าผ่านท่อ NG ให้เป็นธรรม และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดหา NG/LNG
1.5.1 กำหนดราคาขายก๊าซผู้ผลิตไฟฟ้าทุกประเภท (IPP, SPP, IPS) ให้เป็นราคาเดียวกันกับ IPP
1.5.2 ทบทวนค่าผ่านท่อ NG ให้เป็นธรรม อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยเฉพาะท่อ NG ที่คุ้มค่าการลงทุนแล้ว
1.5.3 นำเข้า LNG จากประเทศที่มีราคาถูกและเพิ่มการนำเข้า NG จากพม่าให้มากที่สุด
1.5.4 LNG นำเข้าจากประเทศใหม่ : สนับสนุนเรื่องธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศและการจัดหาผู้รับประกันภัยสินค้าทางทะเล
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะกลางและยาว เพื่อค่าไฟฟ้าไม่เกิน 3.00 บาท/หน่วย ประกอบด้วย
2.1 เร่ง OCA (Overlapping Claims Area) ไทย & กัมพูชา โดยยึดหลักความมั่นคงทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความมั่นคงเรื่องเขตแดน
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจควรจะรวมเรื่องความมั่นคงทางพลังงานจากทรัพยากรใน OCA ด้วยO&G (Oil and Gas) supply security ไม่ถูกกระทบจากปัญหาความขัดแย้งของ Geo-politics
Economic value added ที่จะช่วย offset ต้นทุนพลังงานของไทยในภาวะน้ำมันแพง ต้องรีบนำขึ้นมาใช้ เพราะระยะยาว เมื่อมีการพัฒนา Alternative/renewable energy ได้เต็มที่ มูลค่าของ O&G จะลดลง/หายไป
2.2 เร่งเปิดระบบตลาดเสรี ทั้งไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ และลดการผูกขาดใด ๆ (Liberalization)
สำหรับการเปิดตลาดไฟฟ้าเสรี
ภาครัฐต้องมีระบบ Smart Grid & Smart Meter
เปิดให้มีการขายไฟฟ้าแบบ P2P และ Net Metering
เปิดให้มีการใช้โครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ ให้บุคคลที่สาม (TPA) ในอัตรา Wheeling Charge ที่เหมาะสมและเป็นธรรม
TPA ท่อส่ง NG และ LNG Terminal (รอยืนยัน)เงื่อนไขปัจจุบัน เหมาะกับผู้ใช้ NG รายใหญ่ (EGAT/IPP/SPP) Volume มาก ทำให้ผู้ใช้ NG รายย่อยขาดโอกาส TPA ยังไม่ครอบคลุมถึงท่อจัดจำหน่าย ทำให้ผู้ใช้ NG รายย่อย ภาคอุตสาหกรรม) ไม่สามารถซื้อ NG จาก Shipper รายใหม่ ๆ ได้
ข้อเสนอ
ปรับแก้ TPA code ให้ครอบคลุมถึงระบบท่อย่อย
ปรับแก้ Agreements ต่าง ๆ ระหว่างสถานี LNG ระบบท่อหลักและระบบท่อย่อยกับผู้นำเข้า ให้ยืดหยุ่น และสอดคล้องกับสถานการณ์
วันที่ 16 มกราคม 2567 นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อเสนอทางออกค่าไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย ค่าไฟฟ้า ปี 2567 ไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย และระยะกลาง/ยาว ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 3.00 บาท/หน่วย 1.เร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน เพื่อลดภาระค่า Ft เพื่อให้ค่าไฟฟ้าปี 2567 ไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย
1.ขับเคลื่อนกลไกเชิงรุก ข้อเสนอแนวทางการบริหารคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เชิงรุก โดยยึดประโยชน์ ค่าครองชีพของภาคประชาชน และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นที่ตั้ง การช่วยภาคประชาสังคมเป็นสิ่งที่ดี แต่รัฐต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ อย่าเลือกวิธีที่ผลักภาระมาให้ภาคธุรกิจ
ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขัน คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เปรียบเสมือน ครม.เศรษฐกิจด้านพลังงาน ควรประสานทิศทางระหว่างกระทรวง และแนวทางการปรับลดค่าพลังงานและค่าไฟฟ้า เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับนโยบายไปดำเนินการเชิงรุก ลดความตื่นตระหนก ลดความสับสน และตอบโจทย์ประชาชนได้ เช่น ในการประกาศค่า Ft
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) การพิจารณาค่า Ft ขาดการปรับปรุงข้อมูลค่าพลังงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป (Up to Date/Dynamic ?) ความถูกต้อง ความโปร่งใสของข้อมูลที่นำมาใช้พิจารณาค่า Ft (ถูกต้อง เปิดเผย ตรวจสอบได้ ?)
ค่า Ft เผื่อปลอดภัยไว้ก่อนจนแพงเกินควรหรือไม่ (Very Conservative ?)
การเปิดรับฟังความเห็น ค่า Ft เนื้อหาเข้าใจยาก ขาดการมีส่วนร่วมในวงกว้าง (ตั้งธงไว้แล้ว ?)
1.2 บทบาทรัฐวิสาหกิจ : ควรสร้างความเข้มแข็ง ให้ EGAT ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐด้านความมั่นคงทางไฟฟ้าในทุกมิติ
1.2.1 ช่วยสภาพคล่องของ EGAT เช่น การชะลอส่งเงินเข้ากระทรวงการคลัง หรือหากจำเป็นก็ ReFinancing ออกพันธบัตรรัฐบาล
1.2.2 ให้ EGAT ดูแลหน่วยงาน System Operator (S.O.) เช่นเดิม
1.2.3 การสรรหา ผู้ว่าฯ EGAT ปราศจากการแทรกแซง
1.3 Supply over Demand : ควรแก้ไขของเดิม และไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต และผลักดันให้เกิดส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลังงาน ลดการนำเข้า Fossil
1.3.1 ค่า AP : ลด Margin ยืดเวลา
สัญญาเดิม : ยืดหยุ่นค่า AP สำหรับ IPP
สัญญาใหม่ : ลดผลตอบแทนลง (Low Risk, Low Return )
1.3.2 ไม่เร่งการเพิ่ม Supply โดยทบทวนแผน NEP ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Carbon Neutrality
1.3.3 เพิ่ม Demand การใช้ไฟฟ้า
สนับสนุน EV Bus & EV Truck โดยจัดทำมาตรการส่งเสริมการผลิตและการใช้ เหมือนกับมาตรการ Subsidy ยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน
ส่งเสริมการใช้ Heat Pump ในโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายการใช้เชื้อเพลิง และบำรุงรักษาได้ง่าย
1.4 ส่งเสริม และปลดล็อกพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ให้สะดวกและเป็นธรรม
สำหรับภาคครัวเรือน : ผลักดันมาตรการทางการเงินและการคลัง เพื่อจะสนับสนุนคนติดตั้ง Solar Rooftop
สำหรับภาคธุรกิจ : เนื่องจากธุรกิจ (โรงงาน/โรงแรม/โรงพยาบาล ฯลฯ) ที่ติดตั้ง Solar Rooftop กำลังผลิตเกิน 1 เมกะวัตต์ จะต้องขอใบอนุญาต รง.4 ใหม่ จึงควรผลักดันให้เกิดการปลดล็อก รง.4 เพื่อให้สามารถติดตั้ง Solar Rooftop ได้ โดยพิจารณาเฉพาะความปลอดภัยและโครงสร้างอาคาร
สนับสนุนการทำ Net Billing ในราคาที่สมเหตุผล
1.5 ปรับโครงสร้าง NG : ลด Margin NG ของ SPP/ลดค่าผ่านท่อ NG ให้เป็นธรรม และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดหา NG/LNG
1.5.1 กำหนดราคาขายก๊าซผู้ผลิตไฟฟ้าทุกประเภท (IPP, SPP, IPS) ให้เป็นราคาเดียวกันกับ IPP
1.5.2 ทบทวนค่าผ่านท่อ NG ให้เป็นธรรม อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยเฉพาะท่อ NG ที่คุ้มค่าการลงทุนแล้ว
1.5.3 นำเข้า LNG จากประเทศที่มีราคาถูกและเพิ่มการนำเข้า NG จากพม่าให้มากที่สุด
1.5.4 LNG นำเข้าจากประเทศใหม่ : สนับสนุนเรื่องธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศและการจัดหาผู้รับประกันภัยสินค้าทางทะเล
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะกลางและยาว เพื่อค่าไฟฟ้าไม่เกิน 3.00 บาท/หน่วย ประกอบด้วย
2.1 เร่ง OCA (Overlapping Claims Area) ไทย & กัมพูชา โดยยึดหลักความมั่นคงทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความมั่นคงเรื่องเขตแดน
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจควรจะรวมเรื่องความมั่นคงทางพลังงานจากทรัพยากรใน OCA ด้วยO&G (Oil and Gas) supply security ไม่ถูกกระทบจากปัญหาความขัดแย้งของ Geo-politics
Economic value added ที่จะช่วย offset ต้นทุนพลังงานของไทยในภาวะน้ำมันแพง ต้องรีบนำขึ้นมาใช้ เพราะระยะยาว เมื่อมีการพัฒนา Alternative/renewable energy ได้เต็มที่ มูลค่าของ O&G จะลดลง/หายไป
2.2 เร่งเปิดระบบตลาดเสรี ทั้งไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ และลดการผูกขาดใด ๆ (Liberalization)
สำหรับการเปิดตลาดไฟฟ้าเสรี
ภาครัฐต้องมีระบบ Smart Grid & Smart Meter
เปิดให้มีการขายไฟฟ้าแบบ P2P และ Net Metering
เปิดให้มีการใช้โครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ ให้บุคคลที่สาม (TPA) ในอัตรา Wheeling Charge ที่เหมาะสมและเป็นธรรม
TPA ท่อส่ง NG และ LNG Terminal (รอยืนยัน)เงื่อนไขปัจจุบัน เหมาะกับผู้ใช้ NG รายใหญ่ (EGAT/IPP/SPP) Volume มาก ทำให้ผู้ใช้ NG รายย่อยขาดโอกาส TPA ยังไม่ครอบคลุมถึงท่อจัดจำหน่าย ทำให้ผู้ใช้ NG รายย่อย ภาคอุตสาหกรรม) ไม่สามารถซื้อ NG จาก Shipper รายใหม่ ๆ ได้
ข้อเสนอ
ปรับแก้ TPA code ให้ครอบคลุมถึงระบบท่อย่อย
ปรับแก้ Agreements ต่าง ๆ ระหว่างสถานี LNG ระบบท่อหลักและระบบท่อย่อยกับผู้นำเข้า ให้ยืดหยุ่น และสอดคล้องกับสถานการณ์