Wealth Sharing

“บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์” เตรียมพร้อมขาย IPO หลังสำนักงาน ก.ล.ต.อนุมัติแบบคำขอฯชูความเชี่ยวชาญธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living”


17 มกราคม 2567
บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ หรือ EURO เตรียมพร้อมขายหุ้น IPO หลังสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์ ชูจุดเด่นความเชี่ยวชาญในธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” เจาะตลาดลักชัวรี่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง มุ่งนำเสนอเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งและอุปกรณ์ฟิตเนสระดับไฮเอนด์นำเข้าจากต่างประเทศพร้อมบริการครบวงจร ด้วยประสบการณ์ทีมงาน โชว์รูมในทำเลที่มีศักยภาพ ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและการนำข้อมูลเชิงลึกมาปรับใช้ สร้างการเติบโตต่อเนื่อง หลังโชว์ผลการดำเนินงานสะสม 9 เดือนแรกของปี 2566 กำไรสุทธิ 138.6 ล้านบาท พุ่งแรงกว่า 44.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 

“ยูโร ครีเอชั่นส์” เตรียมพร้อมขาย IPO.jpg

นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นคัดสรรและนำเสนอเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งและอุปกรณ์ฟิตเนสระดับลักชัวรี่ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งบริการแบบครบวงจรด้วยความเชี่ยวชาญภายใต้มาตรฐานระดับโลก เพื่อตอบสนองลูกค้าให้สามารถใช้ชีวิตในทุกพื้นที่และทุกช่วงเวลาได้ตามความต้องการ โดยเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับสินค้าแบรนด์ชั้นนำระดับลักชัวรี่ที่หลากหลาย อาทิ Gessi, Molteni & C, Cassina, Giorgetti, Natuzzi Italia, Frette, Technogym ฯลฯ โดยเฉพาะแบรนด์จากอิตาลี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการออกแบบของอุตสาหกรรมตกแต่งบ้านในยุโรป พร้อมทั้งได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า B2B ผู้พัฒนาโครงการระดับลักซัวรี่ อาทิ มัลเบอร์รี โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า, อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท, โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ฯลฯ ตลอดจนกลุ่มลูกค้า B2C ที่เป็นลูกค้ารายย่อยในกลุ่มลักซัวรี่ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นที่รู้จักในธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” ซึ่งบริษัทฯ มีจุดเด่นในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1) บริษัทฯ เป็นตัวแทนในการนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแบรนด์ชั้นนำระดับลักซูรี่จากต่างประเทศ 2) ทําเลที่ตั้งของโชว์รูมที่มีศักยภาพเอื้อต่อการแข่งขัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและมีแผนขยายโชว์รูมใหม่รองรับฐานลูกค้ามากขึ้น 3) ทีมบุคลากรมากประสบการณ์ในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ระดับลักชัวรี่ในประเทศไทยมากว่า 25 ปี และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรทางธุรกิจเจ้าของแบรนด์สินค้าต่างประเทศ 4) มีฐานลูกค้า Loyal  Customer ที่แข็งแกร่ง พร้อมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ใหม่และกลับมาซื้อซํ้ารวมถึงแนะนําลูกค้าใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 5) มุ่งเน้น Customer Centric ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงรสนิยมของลูกค้า สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมบริการแบบ One-Stop Service 6) การนําข้อมูลเชิงลึกจากระบบ SAP B1 มาใช้เพื่อบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจที่มีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 958.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 138.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ 


ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี และมีโอกาสได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและพร้อมใช้จ่ายหากพึงพอใจในสินค้าและบริการ ขณะที่โครงการบ้านระดับลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรีในประเทศไทยปี 2565 เปิดตัวรวมทั้งสิ้น 1,218 ยูนิต สูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก CBRE Research)  


ปัจจุบันบริษัทฯ จัดประเภทผลิตภัณฑ์เป็น 3 กลุ่ม ตามการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และเติมเต็มความต้องการอยู่อาศัยในทุกมิติของกลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่ ได้แก่ 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรมภายใน เช่น เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน, สินค้าเกี่ยวกับห้องน้ำ, ผลิตภัณฑ์โคมไฟและอุปกรณ์ควบคุมอัจฉริยะ 2) กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านและอาคาร เช่น เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน และ 3) กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการประดับตกแต่งและอุปกรณ์ฟิตเนส เช่น เครื่องออกกำลังกายและเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับฟิตเนส, เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง, พรม, เครื่องนอน, ของตกแต่ง เป็นต้น พร้อมบริการจัดส่งและติดตั้ง ซ่อมบำรุงรักษาสภาพ ซอฟท์แวร์เครื่องออกกำลัง โดยทีมช่างที่มีประสบการณ์และทีมที่ปรึกษาการออกแบบที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์จากเจ้าของแบรนด์ระดับโลกอย่างถูกต้อง 


นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างลงทุนขยายโชว์รูมใหม่อีก 3 แห่ง ในย่านทองหล่อ 2 แห่ง และภูเก็ต 1 แห่ง จากปัจจุบันที่มีโชว์รูม 5 แห่ง ในย่านทองหล่อ, ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ศูนย์การค้าคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, เอกมัยและศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ซี่งจะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสสินค้าเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น 


นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ล่าสุดได้รับการอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์จากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 


ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ มีทุนจดทะเบียน 152.50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 305 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วจำนวน 125 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 250 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 78 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 55.0 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย European Design Holdings Limited จำนวน 23.0 ล้านหุ้น เพื่อนำไปใช้ (1) ลงทุนก่อสร้างโชว์รูมใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ โชว์รูมทองหล่อ ซอย 1, ทองหล่อ ซอย 5 และภูเก็ต (2) ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อการก่อสร้างโชว์รูมใหม่ 3 แห่ง และคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นสำหรับเงินทุนหมุนเวียน และ (3) เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและการขยายธุรกิจ