จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : WP เกาะกระแส “ท่องเที่ยวโตใกล้ก่อนโควิด” ดันยอดขาย -รายได้ พุ่งต่อเนื่อง
17 มกราคม 2567
การเดินทางท่องเที่ยวที่กลับมาเติบโตหรือเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด 19 สะท้อนถึงการใช้จ่ายในประเทศที่จะได้รับผลดีและปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และยังสนับสนุนภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตตามไปด้วย ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร รวมทั้งธุรกิจจำหน่ายก๊าซหุงต้ม
ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม เดือนธ.ค.66 พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ย อยู่ที่ 68% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว พร้อมคาดการณ์อัตราการเข้าพักในเดือนม.ค.67 ว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 65% โดยเป็นการฟื้นตัวกลับมาเท่าก่อนการระบาดของโควิด 19
ขณะที่แนวโน้มลูกค้าในไตรมาส 1/67 โรงแรมส่วนใหญ่ประเมินว่า ลูกค้าต่างชาติ (ไม่รวมจีน) ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/66 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรม 4 ดาวขึ้นไป ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ส่วนลูกค้าจีนคาดว่าจะลดลง จากโรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาวเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี โรงแรมส่วนใหญ่ในภาคกลาง ยังประเมินว่าลูกค้าจีนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ลูกค้าไทย มีแนวโน้มทรงตัว
ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ข้อมูลว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา(วันที่ 8-14 ม.ค. 67) นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสูงกว่าที่คาดการณ์ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่ยังคงเดินทางเข้ามาเป็นอันดับที่ 1 หรือเพิ่มขึ้น 27.75% จากสัปดาห์ก่อนหน้า อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3
ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาพรวมไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 694,826 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 89,289 คน หรือ 14.75% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 99,261 คน
โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ รัสเซีย และอินเดีย โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากจีนเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดจำนวน 104,570 คน รองลงมา ได้แก่ มาเลเซีย 81,315 คน เกาหลีใต้ 54,023 คน รัสเซีย 50,705 คน และอินเดีย 35,237 คน ตามลำดับ
ส่วนสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน การขยายเวลาพำนักแก่นักท่องเที่ยวรัสเซีย และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล (ภูมิภาคยุโรป และอเมริกา)
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 15 ม.ค. 67 พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมทั้งสิ้น 1,300,363 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 63,205 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 คือ จีน 186,424 คน รองลงมา คือ มาเลเซีย 145,368 คน รัสเซีย 102,172 คน เกาหลีใต้ 97,917 คน และอินเดีย 65,440 คน ตามลำดับ
การเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ กระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยให้ขยายตัวมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจทั้งโรงแรมและร้านอาหาร รวมทั้งยอดขายพลังงานหรือก๊าซ LPG ซึ่ง “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) เชื่อว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 จะเติบโตอยู่ในทิศทางบวกได้อย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมความต้องการใช้ก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศยังขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ที่สำคัญบริษัทฯ มีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 168 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น
บริษัทมั่นใจยอดขายปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 800,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าจะได้ตามเป้าที่วางไว้ 17,000 ล้านบาท
ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม เดือนธ.ค.66 พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ย อยู่ที่ 68% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว พร้อมคาดการณ์อัตราการเข้าพักในเดือนม.ค.67 ว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 65% โดยเป็นการฟื้นตัวกลับมาเท่าก่อนการระบาดของโควิด 19
ขณะที่แนวโน้มลูกค้าในไตรมาส 1/67 โรงแรมส่วนใหญ่ประเมินว่า ลูกค้าต่างชาติ (ไม่รวมจีน) ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/66 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรม 4 ดาวขึ้นไป ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ส่วนลูกค้าจีนคาดว่าจะลดลง จากโรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาวเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี โรงแรมส่วนใหญ่ในภาคกลาง ยังประเมินว่าลูกค้าจีนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ลูกค้าไทย มีแนวโน้มทรงตัว
ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ข้อมูลว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา(วันที่ 8-14 ม.ค. 67) นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสูงกว่าที่คาดการณ์ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่ยังคงเดินทางเข้ามาเป็นอันดับที่ 1 หรือเพิ่มขึ้น 27.75% จากสัปดาห์ก่อนหน้า อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3
ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาพรวมไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 694,826 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 89,289 คน หรือ 14.75% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 99,261 คน
โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ รัสเซีย และอินเดีย โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากจีนเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดจำนวน 104,570 คน รองลงมา ได้แก่ มาเลเซีย 81,315 คน เกาหลีใต้ 54,023 คน รัสเซีย 50,705 คน และอินเดีย 35,237 คน ตามลำดับ
ส่วนสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน การขยายเวลาพำนักแก่นักท่องเที่ยวรัสเซีย และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล (ภูมิภาคยุโรป และอเมริกา)
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 15 ม.ค. 67 พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมทั้งสิ้น 1,300,363 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 63,205 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 คือ จีน 186,424 คน รองลงมา คือ มาเลเซีย 145,368 คน รัสเซีย 102,172 คน เกาหลีใต้ 97,917 คน และอินเดีย 65,440 คน ตามลำดับ
การเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ กระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยให้ขยายตัวมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจทั้งโรงแรมและร้านอาหาร รวมทั้งยอดขายพลังงานหรือก๊าซ LPG ซึ่ง “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) เชื่อว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 จะเติบโตอยู่ในทิศทางบวกได้อย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมความต้องการใช้ก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศยังขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ที่สำคัญบริษัทฯ มีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 168 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น
บริษัทมั่นใจยอดขายปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 800,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าจะได้ตามเป้าที่วางไว้ 17,000 ล้านบาท