“กำไรน้อยไม่เป็นไร แต่ห้ามขาดทุน” นิยามการลงทุนของ “พีรเจต สุวรรณนภาศรี” อดีตซีอีโอ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) (UKEM) และบริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด (มหาชน) (GIFT) ที่ผันตัวเองมาเป็นนักลงทุน VI อย่างเต็มตัว ชื่อของ “พีรเจต สุวรรณนภาศรี” กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง!!! ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MGI)
หุ้นนางงามที่ขยันสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากราคาไอพีโอ 4.95 บาท และราคาทดสอบจุดสูงสุดที 22.70 บาท (ณ วันที่ 17 ม.ค.67) “พีรเจต”ถือหุ้น MGI จำนวน 6,160,000 หุ้น ราคาปิดที่ 22.50 บาท มูลค่าพอร์ตลงทุนเพิ่มเป็น 138.60 ล้านบาท จากเงินลงทุน 30.49 ล้านบาท หรือมีกำไรกว่า 108.11 ล้านบาท
นอกจากนี้ “พีรเจต”ยังถือ บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (TGE) จำนวน 109,000,000 หุ้น ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 8 “พีรเจต” เข้าถือหุ้น TGE ในช่วงกลางปี 2566 จากการเข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ในราคา 2 บาท/หุ้น ราคาเดียวกันกับไอพีโอ มาถึงวันนี้ (17 ม.ค.67) ราคาหุ้น TGE ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 5.05 บาท ก่อนปิดตลาดที่ 4.92 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 146% เทียบกับจำนวนเงินที่เขาลงทุนในกลางปีที่ผ่านมา
ซึ่งหมายความว่า พอร์ตลงทุนเขาเพิ่มขึ้นเป็น 536.28 บาท จากเงินลงทุน 218 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 318.28 ล้านบาท
แล้ว“พีรเจต”เห็นอะไรใน TGE ????
TGE ถือเป็นผู้นำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ที่มีศักยภาพการทำกำไรสูง เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าชีวมวล โซลาร์ฟาร์ม หรือวินด์ฟาร์ม เพราะโรงไฟฟ้าขยะมีรายได้ทั้งจากขายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และรายได้จากการกำจัดขยะ ยังไม่นับมูลค่าที่ซ้อนอยู่...นั่นคือ คาร์บอนด์เครดิต ที่จะเป็นอีกหนึ่งรายได้ให้กับ TGE
“ผมลงทุน TGE ในระยะยาว เนื่องจากเห็นการเติบโตที่สูงต่อเนื่อง จากการที่บริษัทสามารถคว้าโครงการโรงไฟฟ้าขยะได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลตอบแทนที่ดีกว่า โรงไฟฟ้าชีวมวล เนื่องจากมี IRR สูงราว 13-15%”
นอกจากนี้ เขายังมองว่า TGE มีโอกาสในการเติบโตได้ยาวถึงปี 2569-2570 ดังนั้นท่ามกลางตลาดที่ผันผวนจึงเลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่มีความปลอดภัยจากการรายได้ประจำ โดยต้องถือยาวเพราะในการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าอาจจะใช้ระยะเวลา