ตลาดหุ้นไทยทำไมไหลลงต่อเนื่อง???
สวนทางตลาดหุ้นสหรัฐ
นักลงทุนหลายคนตั้งคำถาม
ถ้าไปถามผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานก.ล.ต. ในปีที่ผ่านมา (2566) ตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ตลาดหุ้นไทยร่วง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาเงินเฟ้อ บอนด์ยิลด์ปรับตัวสูง
แต่ถ้าไปถามนักลงทุนรายใหญ่ VI นักลงทุนรายย่อย ส่วนหนึ่งมองว่า Short Sell , Naked Short และ Robot Trade
ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในการลงทุน
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย มองว่า เหตุผลที่ต่างชาติขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดหุ้นไทยยังไม่น่าดึงดูดใจ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียน
โดยคาดนักลงทุนต่างชาติจะยังเทขายหุ้นไทยเนื่องจาก SET Index ยังไม่น่าดึงดูดใจเทียบกับคู่แข่งในอาเซียนแม้ปรับลดลง 15.5% เมื่อปีก่อนก็ตาม
SET Index ขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 67 ที่ 14.35 เท่า ยังค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับคู่แข่งอาเซียนซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตระดับเดียวกัน
หรือการเติบโตที่หายไปเป็นสาเหตุสำคัญทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย
โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยที่ 9.75 แสนลบ. ตั้งแต่ปี 56 และยังมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิในอีก 8 ปี จาก 10 ปีที่ผ่านมา
“เราเชื่อว่าสาเหตุหลักที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยมาจากการเติบโตของกำไรสุทธิที่ขาดหายไป”
บล.กสิกรไทยเชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติจะยังเทขายหุ้นไทยช่วงครึ่งแรกปีนี้จากdownside ต่อกำไสุทธิปี 67 เราคาดว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาดในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจะผ่านร่างงบประมาณประจำปี 67 และ Fed pivot ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยลดลง และเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด
“เราคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะหยุดเทขายและอาจเริ่มกลับมาสะสมหุ้นไทยเมื่อ market EPS ฟื้นตัวขึ้นซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนในปี 2559 และ 2565 เมื่อ Market EPS ฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่งแนะนำกลยุทธ์ "เลือกลงทุน"
”เราแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้น/กลุ่มอุตสำาหกรรมที่มีการเติบโตด้านโครงสร้างและปลอดภัย จากการเทขายจากต่างชาติเนื่องจากเราคาดว่นักลงทุนต่างชาติจะเทขายหุ้นไทยต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรก ปีนี้ เช่น กลุ่มการแพทย์, นิคมฯ และ mid -caps หุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้คือ AMATA BDMS BCH CK WHA“