เรื่องเด่นวันนี้
TGE ปักหมุดปี 75 กำลังผลิตไฟฟ้า 200 MW ลุยประมูลโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเต็มสูบ
23 มกราคม 2567
TGE ปักธงผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนของไทย ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะระดับ 200 เมกะวัตต์ในปี 2575 ฟากซีอีโอ “พงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล”กางแผนธุรกิจปี 67 เดินหน้ารับบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชีวภาพ 2 แห่ง สัญญา 4 ปี 9 เดือนประเมินผลตอบแทนรวม 349.90 ล้านบาท พร้อมลุยเข้าประมูลโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเพิ่มเติม เตรียมจับมือพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ ลงทุนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาด ผลักดันอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายพงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าประเภทชีวมวลและขยะชุมชนของไทย โดยคาดว่าภายในปี 2575 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 200 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 76.6 เมกะวัตต์
โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ เตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มเติม ขณะเดียวกันได้เริ่มบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯมีแผนที่จะเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยเน้นด้านพลังงานสะอาด และสามารถช่วยต่อยอดธุรกิจ สนับสนุนอนาคตให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ล่าสุดบริษัทฯได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เข้าทำสัญญาบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในฐานะผู้รับจ้างกับ บริษัท ท่าฉาง ไบโอแก๊ส จำกัด (TBG) โดยมีระยะเวลาของสัญญา 4 ปี 9 เดือนนับจากวันที่มีผลผูกพันตามสัญญา โดย TGE จะเข้าบริหารจัดการโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 2.8 เมกะวัตต์ และ 4.2 เมกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดย TGE จะได้รับรายได้ในสัดส่วน 50% จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตลอดอายุสัญญา 4 ปี 9 เดือน จาก TBG ประเมินมูลค่าผลตอบแทนอยู่ที่ 332.40 ล้านบาท รวมกับมูลค่าผลตอบแทนจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวล ระยะเวลา 3 เดือนแรกก่อนเข้าทำสัญญาระยะยาวดังกล่าวอีก 17.50 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่ารวมสิ่งตอบแทนจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามีจำนวน 349.90 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 - วันที่ 31 ธันวาคม 2571
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมอยู่ที่ 76.6 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นธุรกิจพลังงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวล มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.7 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โครงการ ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ใน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.9 เมกะวัตต์ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว, จังหวัดชุมพร, จังหวัดราชบุรี, จังหวัดชัยนาท และ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปลายปี 2568 รวมทั้งมีธุรกิจรับบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชีวภาพ 2 แห่ง ขนาดกำลังผลิตรวม 7 เมกะวัตต์
“TGE มุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และพลังงานจากขยะชุมชน โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังศึกษาพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งมีแนวโน้มจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ TGE พร้อมสนับสนุนและลงทุนในพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือกที่ลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยปัจจุบันบริษัทฯสามารถกักเก็บ Carbon Credit จากโครงการต่างๆ มีปริมาณสะสมประมาณ 1.2 แสนตัน และสามารถจัดจำหน่ายให้กับองค์กรที่มีความต้องการ อย่างไรก็ตาม จากกลยุทธ์ต่างๆคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% ” นายพงศ์นรินทร์ กล่าวในที่สุด
นายพงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าประเภทชีวมวลและขยะชุมชนของไทย โดยคาดว่าภายในปี 2575 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 200 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 76.6 เมกะวัตต์
โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ เตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มเติม ขณะเดียวกันได้เริ่มบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯมีแผนที่จะเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยเน้นด้านพลังงานสะอาด และสามารถช่วยต่อยอดธุรกิจ สนับสนุนอนาคตให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ล่าสุดบริษัทฯได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เข้าทำสัญญาบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในฐานะผู้รับจ้างกับ บริษัท ท่าฉาง ไบโอแก๊ส จำกัด (TBG) โดยมีระยะเวลาของสัญญา 4 ปี 9 เดือนนับจากวันที่มีผลผูกพันตามสัญญา โดย TGE จะเข้าบริหารจัดการโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 2.8 เมกะวัตต์ และ 4.2 เมกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดย TGE จะได้รับรายได้ในสัดส่วน 50% จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตลอดอายุสัญญา 4 ปี 9 เดือน จาก TBG ประเมินมูลค่าผลตอบแทนอยู่ที่ 332.40 ล้านบาท รวมกับมูลค่าผลตอบแทนจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวล ระยะเวลา 3 เดือนแรกก่อนเข้าทำสัญญาระยะยาวดังกล่าวอีก 17.50 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่ารวมสิ่งตอบแทนจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามีจำนวน 349.90 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 - วันที่ 31 ธันวาคม 2571
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมอยู่ที่ 76.6 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นธุรกิจพลังงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวล มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.7 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โครงการ ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ใน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.9 เมกะวัตต์ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว, จังหวัดชุมพร, จังหวัดราชบุรี, จังหวัดชัยนาท และ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปลายปี 2568 รวมทั้งมีธุรกิจรับบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชีวภาพ 2 แห่ง ขนาดกำลังผลิตรวม 7 เมกะวัตต์
“TGE มุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และพลังงานจากขยะชุมชน โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังศึกษาพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งมีแนวโน้มจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ TGE พร้อมสนับสนุนและลงทุนในพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือกที่ลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยปัจจุบันบริษัทฯสามารถกักเก็บ Carbon Credit จากโครงการต่างๆ มีปริมาณสะสมประมาณ 1.2 แสนตัน และสามารถจัดจำหน่ายให้กับองค์กรที่มีความต้องการ อย่างไรก็ตาม จากกลยุทธ์ต่างๆคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% ” นายพงศ์นรินทร์ กล่าวในที่สุด