“บมจ.แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท หรือ ADVICE” หุ้นไอพีโอน้องใหม่ ประกาศลั่นระฆังเปิดเทรดกระดาน SET วันที่ 31 มกราคมนี้ “ยอดฤดี สันตติกุล” กรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส ในฐานะ Lead UW เผยผลปิดจองซื้อ นักลงทุนกวาด 170 ล้านหุ้นเกลี้ยง แสดงถึงความมั่นใจในศักยภาพการเติบโต พร้อมระบุราคาไอพีโอที่ 3.24 บาท เป็นราคาเหมาะสมด้วย P/E เพียง 10.00 เท่า ขณะที่ “รัชดา เกลียวปฏินนท์” กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) FA คู่ใจ เผยการระดมทุนครั้งนี้ เพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานเงินทุนและศักยภาพแข่งขัน และขยายสาขา ด้าน “ณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์” ซีอีโอ ADVICE พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ ด้วยวิสัยทัศน์มุ่งมั่นก้าวสู่บริษัทไอทีอันดับหนึ่งของประเทศ ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงไอที และใช้งานอย่างคุ้มค่า
นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำอาณาจักรค้าปลีกไอทีสุดยิ่งใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 170 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.24 บาท ระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2567 หุ้น ADVICE ได้รับความสนใจจากนักลงทุนซื้อหุ้นจำนวนมาก ภายหลังนำเสนอข้อมูล (Roadshow) ให้กับนักลงทุน เนื่องจากมั่นใจในพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง สอดรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคและภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่นวัตกรรมยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการด้านไอทีแบบครบวงจร ตอกย้ำ ADVICE เป็น 1 ใน 4 ผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ที่มียอดขายสูงสุดของประเทศ
อีกทั้ง ราคาไอพีโอ ที่ 3.24 บาท ถือเป็นการกำหนดราคาที่เหมาะสม คิดเป็น P/E ที่ 10.00 เท่า ซึ่งถือเป็นราคาเสนอขายที่มีส่วนลดจาก P/E เฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างสูงโดย ADVICE เปิดเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 27.42% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 31 มกราคม 2567 ในหมวดธุรกิจกลุ่มธุรกิจบริการ/พาณิชย์
นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตในอนาคต และการระดมทุนในครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของ ADVICE ด้วยวิสัยทัศน์ขององค์กร มุ่งมั่นก้าวสู่บริษัทไอทีอันดับหนึ่งของประเทศ ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงไอที และใช้งานอย่างคุ้มค่า
สำหรับผลการดำเนินงานของ ADVICE สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563 – 2565) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 12,541.2 ล้านบาท 14,305.8 ล้านบาท และ 14,388.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) เท่ากับร้อยละ 8.1 ต่อปี มีกำไรสุทธิจำนวน 134.0 ล้านบาท 233.8 ล้านบาท 430.2 ล้านบาท และ 205.7 ล้านบาทตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 10,336.5 ล้านบาท ลดลงจำนวน 922.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการลดลงที่ดีกว่าภาพรวมตลาด อันเนื่องมาจากการปรับฐานเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ 9 เดือนของปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 136.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 1.32 ลดลงจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.43
ด้านนางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โอกาสของ ADVICE หลังจากบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการยกระดับเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าไอทีแบบครบวงจร ด้วยผลกำไรที่เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า บริษัทฯ จึงตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายสินค้าควบคู่กับอัตราการทำกำไร โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีหน้าร้าน Advice รวมทั้งสิ้น 420 แห่ง ผ่านการเปิดสาขาของบริษัทเพิ่มอีก 35-40 แห่ง ในทำเลที่มีศักยภาพ โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก พร้อมขยายสาขาแฟรนไชส์อีก 30-50 แห่ง สร้างความแข็งแกร่งของรายได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ADVICE ประกอบธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศ ประกอบธุรกิจจำหน่ายปลีก-ส่ง สินค้าไอทีภายใต้ชื่อร้าน “Advice” ซึ่งเป็นร้านค้าในรูปแบบไอทีซุปเปอร์สโตร์ จำหน่ายสินค้าไอทีหลากหลาย เช่น คอมพิวเตอร์ประกอบ (D.I.Y) คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค (Notebook) คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป (Desktop) และอุปกรณ์เสริมต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจำหน่ายสินค้ากลุ่มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ Internet of Things (IoT) ไปจนถึงสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน นอกจากการจำหน่ายสินค้าไอที บริษัทฯ ยังให้บริการรับเคลมสินค้าที่มีปัญหาให้ผู้ผลิต รวมถึงให้บริการซ่อมบำรุงและตรวจเช็คอุปกรณ์ไอทีแบบครบวงจร
นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำอาณาจักรค้าปลีกไอทีสุดยิ่งใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 170 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.24 บาท ระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2567 หุ้น ADVICE ได้รับความสนใจจากนักลงทุนซื้อหุ้นจำนวนมาก ภายหลังนำเสนอข้อมูล (Roadshow) ให้กับนักลงทุน เนื่องจากมั่นใจในพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง สอดรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคและภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่นวัตกรรมยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการด้านไอทีแบบครบวงจร ตอกย้ำ ADVICE เป็น 1 ใน 4 ผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ที่มียอดขายสูงสุดของประเทศ
อีกทั้ง ราคาไอพีโอ ที่ 3.24 บาท ถือเป็นการกำหนดราคาที่เหมาะสม คิดเป็น P/E ที่ 10.00 เท่า ซึ่งถือเป็นราคาเสนอขายที่มีส่วนลดจาก P/E เฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างสูงโดย ADVICE เปิดเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 27.42% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 31 มกราคม 2567 ในหมวดธุรกิจกลุ่มธุรกิจบริการ/พาณิชย์
นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตในอนาคต และการระดมทุนในครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของ ADVICE ด้วยวิสัยทัศน์ขององค์กร มุ่งมั่นก้าวสู่บริษัทไอทีอันดับหนึ่งของประเทศ ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงไอที และใช้งานอย่างคุ้มค่า
สำหรับผลการดำเนินงานของ ADVICE สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563 – 2565) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 12,541.2 ล้านบาท 14,305.8 ล้านบาท และ 14,388.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) เท่ากับร้อยละ 8.1 ต่อปี มีกำไรสุทธิจำนวน 134.0 ล้านบาท 233.8 ล้านบาท 430.2 ล้านบาท และ 205.7 ล้านบาทตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 10,336.5 ล้านบาท ลดลงจำนวน 922.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการลดลงที่ดีกว่าภาพรวมตลาด อันเนื่องมาจากการปรับฐานเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ 9 เดือนของปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 136.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 1.32 ลดลงจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.43
ด้านนางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โอกาสของ ADVICE หลังจากบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการยกระดับเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าไอทีแบบครบวงจร ด้วยผลกำไรที่เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า บริษัทฯ จึงตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายสินค้าควบคู่กับอัตราการทำกำไร โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีหน้าร้าน Advice รวมทั้งสิ้น 420 แห่ง ผ่านการเปิดสาขาของบริษัทเพิ่มอีก 35-40 แห่ง ในทำเลที่มีศักยภาพ โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก พร้อมขยายสาขาแฟรนไชส์อีก 30-50 แห่ง สร้างความแข็งแกร่งของรายได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ADVICE ประกอบธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศ ประกอบธุรกิจจำหน่ายปลีก-ส่ง สินค้าไอทีภายใต้ชื่อร้าน “Advice” ซึ่งเป็นร้านค้าในรูปแบบไอทีซุปเปอร์สโตร์ จำหน่ายสินค้าไอทีหลากหลาย เช่น คอมพิวเตอร์ประกอบ (D.I.Y) คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค (Notebook) คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป (Desktop) และอุปกรณ์เสริมต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจำหน่ายสินค้ากลุ่มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ Internet of Things (IoT) ไปจนถึงสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน นอกจากการจำหน่ายสินค้าไอที บริษัทฯ ยังให้บริการรับเคลมสินค้าที่มีปัญหาให้ผู้ผลิต รวมถึงให้บริการซ่อมบำรุงและตรวจเช็คอุปกรณ์ไอทีแบบครบวงจร