จิปาถะ

พิธา เปิดใจวันแรก ทั้งดีใจ-เสียดายโอกาส 6 เดือน ลั่นรอบหน้า ถ้าออกสภาฯ จะไปทำเนียบ


25 มกราคม 2567
พิธา เปิดใจวันแรก.jpg

“พิธา” ดีใจ เข้าวันแรก หลัง ศาลรธน. คืนตำแหน่งสส. จ่อ อภิปรายปัญหาขยะพรุ่งนี้ ชี้ ไม่ยึดติดตำแหน่ง หน.พรรค-ผู้นำฝ่ายค้าน มั่นใจ รอดคดีล้มล้างการปกครอง ลั่น ถ้าออกจากสภาอีก จะไปทำเนียบ


เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 25 มกราคม 2567 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกเมื่อกลับเข้าสภาครั้งแรก ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีจบคดีถือหุ้นไอทีวีว่า ไออุ่นที่คุ้นเคย รวมเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็น 6 เดือน ที่ไม่ได้มีโอกาสแถลงข่าวต่อสื่อ และประชาชนที่สภาฯ ยังรู้สึกว่า สภาเป็นพื้นที่รวมตัวของประชาชน คิดถึงบรรยากาศอย่างนี้

ส่วนตั้งใจใส่เนคไทมาเป็นกิมมิคใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่กิมมิค เมื่อเช้ารีบไปรายการ จึงเอาเนคไทเส้นที่มองซ้ายมองขวา และจำได้ ว่าตอนที่เราชูกำปั้นเราใส่เนคไทเส้นนี้ เลยนึกสนุกขึ้นมา คงไม่ใช่กิมมิคอะไรพิเศษ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ออกไปด้วยแบบไหนก็กลับมาแบบนั้น คิดว่า เป็นดีทัวร์ เป็นการอ้อม แต่เป้าหมายในการเดินทางของเรายังต้องทำต่อ ถึงแม้ว่าจะหายไป 6 เดือนก็ตาม

เมื่อถามว่า เสียดายเวลา 6 เดือนที่หายไปหรือไม่นั้น นายพิธา กล่าวว่า เสียดายที่ไม่มีโอกาสในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ซึ่งคงไม่มีใครบอกได้ ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร หรือถ้ามีครั้งที่ 2 แล้วดีขึ้น จะกลายเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ แต่เราบริหารจัดการเวลาได้ ใช้เวลา 6 เดือนในการพบปะพี่น้องประชาชน ทำงานกับเพื่อน ส.ส.ที่อยู่ข้างหลังในการลงพื้นที่ตอนถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

โดยจะใช้ข้อมูลที่ได้จากการประชุมกับผู้นำท้องถิ่น มาอภิปรายในวันที่ 26 มกราคมนี้ที่จะถึงนี้ เรื่องปัญหาขยะล้นเมือง และการจัดการขยะ ใน จ.สมุทรปราการ และ จ.ภูเก็ต ในญัติติของพรรคภูมิใจไทย เพราะฉะนั้น ไม่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

เมื่อถามว่า ภารกิจแรกในการกลับมาเป็น ส.ส.คืออะไร นายพิธา กล่าวว่า คุยกับเพื่อน ส.ส. ทักทายกันให้หายคิดถึง อาจจะแวะไปพูดคุยกับนักศึกษาที่มาสภาฯในวันนี้ รอจังหวะที่ไม่รบกวน ส.ส.ที่อภิปรายอยู่เดินเข้าห้องใหญ่ และเตรียมตัวอภิปราย แถลงแผนงานของพรรคก้าวไกลในวันที่ 25 มกราคมนี้ว่า เป้าหมายและการทำงานในเชิงปฏิบัติของพรรคเราในปีนี้คืออะไร ประชาชน และสมาชิกจะได้มีส่วนร่วมในการทำงาน

เมื่อถามถึงข้อครหาต่างๆ ที่ผ่านมาของพรรคก้าวไกล จะมีการเดินหน้าต่ออย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจ และขอโทษประชาชน ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าพรรค ตนก็ไม่อยากเป็นสถาบันที่มีหัวหน้า 2 คน ก็ต้องรู้ที่ของตัวเองว่า เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก็ต้องให้คำปรึกษากับนายชัยธวัช ซึ่งได้มีการพูดคุยกันตลอด ทั้งในมุมที่จะป้องกันสถานการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้น หรือรักษาเมื่อเหตุเกิดแล้ว ก็แสดงท่าทีให้ไว เช่น ให้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรต ออกมาชี้แจงในส่วนของความเข้าใจผิดต่างๆ

”จะเรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับปรุง โดยที่ไม่แก้ตัว ยอมรับว่า เรายังต้องพัฒนากันอีกเยอะ ประชาชนคงสัมผัสได้ถึงความเป็น พัฒนาการความเป็นสถาบันการเมืองของเรา“ นายพิธา กล่าว

ส่วนจะดำเนินคดีกับ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเป็นผู้ร้องคดีข้างต้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วในอดีต ตอนนี้จะใส่ใจกับปัจจุบัน ใช้สมาธิ ทรัพยากรเวลา กับการทำงานในปัจจุบัน และอนาคตที่จะถึง ตามแผนการดำเนินงานที่จะแถลงในวันพรุ่งนี้

เมื่อถามว่า จะมีการกลับไปเป็นหัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่นั้น นายพิธา กล่าวว่า คำตอบนี้ต้องแยกเป็นสองส่วน หัวหน้าพรรคก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ คือการประชุมวิสามัญของพรรคช่วงเดือนเมษายน ในส่วนที่สอง ตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ทำหน้าที่ได้ดี ตนไม่มีความจำเป็นที่จะเป็นหัวหน้าพรรคก็แล้วแต่สมาชิกพรรค ตนและนายชัยธวัช ไม่มีใครยึดติดในตำแหน่ง

เมื่อถามว่า จะมีการเลื่อนประชุมวิสามัญของพรรคหรือไม่นั้น ไม่มีเหตุจำเป็นอะไร เดือนเมษายนเหมาะสมที่กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลทำงานครบ 4 ปีตามวาระ ก็จะต้องมีการเปลี่ยน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีของตน

เมื่อถามว่า มีข้อควรระวังอะไรให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตนยึดประชาชนเป็นที่ตั้งและไม่ได้ค้านทุกเรื่อง ค้านเฉพาะสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือค้านเพื่อจะแนะนำ และยังเชื่อว่ามีวาระเพื่อประชาชนอีกมากมายโดยไม่ต้องคำนึงว่ามาจากพรรคไหน เช่น สมรสเท่าเทียม พรบ.อากาศสะอาด เราเชื่อว่ายังทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ได้

เมื่อถามถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า จะจับตามองเป็นพิเศษหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า จะจับตาเป็นพิเศษ เพราะในช่วงที่ตนถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนได้สังเกตว่าโครงการเรือธงของรัฐบาลมีสามโครงการ ได้แก่ 1. ดิจิทัลวอลเล็ต 2. โครงการแลนด์บริดจ์ 3. ซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งมีหลายเรื่องที่เราเห็นตรงกัน แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่เราต้องพูดคุยกันเป็นพิเศษ จะต้องมองในมุมกว้างและลึก และดูว่าทางเลือกและเป้าหมายคืออะไร

เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรบ้างกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล นายพิธา กล่าววว่า ตนมีความเห็นว่า ขณะนี้ประชาชนมีความเดือดร้อนพอสมควร เศรษฐกิจโตช้าและซบเซาเป็นเวลานาน ซึ่งไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลปัจจุบัน จากการเมืองแต่เป็นปัญหาจากการเมืองไทย ที่ไม่มีการปรับโครงสร้าง และทำให้ประเทศเดินช้า

ขณะเดียวกัน ตนกังวลว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยการใช้งบประมาณระยะยาว จะทำให้ไม่มีพื้นที่การคลังในการแก้ปัญหาระยะยาว จึงอยากจะชวนรัฐบาลให้คิด ว่าจะมีแผนสองหรือไม่ การกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก อย่าดูถูกรายละเอียดหรือโครงการเล็กๆ น้อยๆ ถ้าทำรวมกันอาจทำให้พลังเศรษฐกิจระเบิดขึ้นมาได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการแจกเงินแบบบนลงล่าง หากแก้ปัญหาให้ตรงจุด ก็จะทำให้ช่วยประหยัดงบประมาณและไม่ต้องกู้เงินสร้างภาระเพิ่มขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดฟังคำวินิจฉัยในคดีนโยบายแก้ ม.112 ของพรรคก้าวไกล มีความกังวลบ้างหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เหมือนตอนคดีความรู้สึกเหมือนตอนคดีไอทีวี เราแยกแยะได้ว่าอะไรควบคุมได้หรือไม่ได้ ทั้งนี้ ส่วนที่เราควบคุมได้เราก็ได้ทำเต็มที่

เมื่อถามว่าจะออกจากสภาอีกหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ”ออกอีกจะออกไปทำเนียบ“

ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_4393078