จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ธุรกิจร้านอาหารกลับมาเฟื่องฟู หลังต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 2 ล้านคน
25 มกราคม 2567
ธุรกิจร้านอาหารรับอานิสงส์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 5 และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยทะลุ 2 ล้านคน ผลักดันยอดขายเติบโต ขณะที่ บมจ.วาว แฟคเตอร์ (W) เล็งขยายสาขาเพิ่มเป็น 20 สาขา ภายในปี 67
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินแม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปี 2567 โดยแรงส่งหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชน ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้น มาตรการลดค่าครองชีพ และโครงการ Easy e-receipt กระตุ้นการใช้จ่าย ทั้งนี้ ผลบวกของโครงการนี้อาจไม่มากเท่าในอดีต เนื่องจากเงื่อนไขจำกัดเฉพาะร้านที่ออก e-Tax Invoice ได้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นต่อเนื่อง และการส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้ สอดคล้องกับการผลิตบางอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้น เช่น อิเล็กทรอนิกส์
สอดคล้องกับมุมมองของ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ธ.ค.66 อยู่ที่ระดับ 62.0 ปรับตัวดีขึ้นจากในเดือน พ.ย.ที่ 60.9 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 46 เดือน นับตั้งแต่เดือนมี.ค.63
ซึ่งการที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กลับมาปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ แสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้น จากสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วในปี 2567 ภายใต้นโยบายที่ได้ประกาศไว้
โดยปัจจัยบวก ได้แก่ ผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลและรัฐบาลจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพโดยลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ตลอดจนมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ นอกจากนี้ผู้บริโภคเห็นว่าการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคตหลังจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วการเมืองต่างๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกันโดยความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะคลี่คลายลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาฟื้นตัวได้หลังมีการจัดตั้งรัฐบาล
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 56.0 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมอยู่ที่ระดับ 58.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 71.3
ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเที่ยวไทยก็ปรับเพิ่มขึ้น โดยน.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุ ช่วงวันที่ 15-21 ม.ค. 67 ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 715,579 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 20,753 คน หรือ 2.99% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 102,226 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน 120,381 คน มาเลเซีย 73,085 คน เกาหลีใต้ 55,218 คน รัสเซีย 48,114 คน และอินเดีย 40,300 คน ตามลำดับ
และมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1-21 ม.ค. 67 ทั้งสิ้น 2,015,942 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 97,911 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก อันดับ 1 คือ กจีน 306,805 คน รองลงมา คือมาเลเซีย 218,453 คน เกาหลีใต้ 153,135 คน รัสเซีย 150,286 คน และอินเดีย 105,740 คน ตามลำดับ
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะร้านอาหารที่จะมีผู้ใช้บริการมากขึ้น รวมทั้งธุรกิจของ บมจ.วาว แฟคเตอร์ (W)
ซึ่งปัจจุบัน W ดำเนินธุรกิจด้าน Food and Beverage โดยมีหลากหลายแบรนด์ในเครือนอกจาก Kagonoya แล้วยังมี Le Beouf : Steakhouse สไตล์ฝรั่งเศส ที่มีจุดเด่นเป็น Signature ซอส Café De Paris ที่จำหน่ายที่แรกในไทย, BAKE WORKS : ร้านที่รวมแบรนด์ขนมดังส่งตรงจากญี่ปุ่น Bake cheese tart ชีสทาร์ตจากฮอกไกโด, Rapl พายแอปเปิ้ลจากอาโอโมริและครีมคัสตาร์ด นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังมีแผนขยายสาขาร้านอาหาร และแบรนด์น้องใหม่เครืออย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวเข้าสู่ผู้นำของตลาด Food and Beverage ต่อไป
ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ W “ธนวัฒน์ เอื้อศิริพันธ์” ระบุ ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมด 16 สาขา และตั้งเป้าหมายปี 2567 จะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 20 สาขา เพื่อขยายฐานลูกค้าไปตามโซนใหม่ ทั้งในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินแม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปี 2567 โดยแรงส่งหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชน ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้น มาตรการลดค่าครองชีพ และโครงการ Easy e-receipt กระตุ้นการใช้จ่าย ทั้งนี้ ผลบวกของโครงการนี้อาจไม่มากเท่าในอดีต เนื่องจากเงื่อนไขจำกัดเฉพาะร้านที่ออก e-Tax Invoice ได้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นต่อเนื่อง และการส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้ สอดคล้องกับการผลิตบางอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้น เช่น อิเล็กทรอนิกส์
สอดคล้องกับมุมมองของ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ธ.ค.66 อยู่ที่ระดับ 62.0 ปรับตัวดีขึ้นจากในเดือน พ.ย.ที่ 60.9 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 46 เดือน นับตั้งแต่เดือนมี.ค.63
ซึ่งการที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กลับมาปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ แสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้น จากสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วในปี 2567 ภายใต้นโยบายที่ได้ประกาศไว้
โดยปัจจัยบวก ได้แก่ ผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลและรัฐบาลจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพโดยลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ตลอดจนมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ นอกจากนี้ผู้บริโภคเห็นว่าการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคตหลังจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วการเมืองต่างๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกันโดยความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะคลี่คลายลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาฟื้นตัวได้หลังมีการจัดตั้งรัฐบาล
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 56.0 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมอยู่ที่ระดับ 58.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 71.3
ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเที่ยวไทยก็ปรับเพิ่มขึ้น โดยน.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุ ช่วงวันที่ 15-21 ม.ค. 67 ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 715,579 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 20,753 คน หรือ 2.99% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 102,226 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน 120,381 คน มาเลเซีย 73,085 คน เกาหลีใต้ 55,218 คน รัสเซีย 48,114 คน และอินเดีย 40,300 คน ตามลำดับ
และมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1-21 ม.ค. 67 ทั้งสิ้น 2,015,942 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 97,911 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก อันดับ 1 คือ กจีน 306,805 คน รองลงมา คือมาเลเซีย 218,453 คน เกาหลีใต้ 153,135 คน รัสเซีย 150,286 คน และอินเดีย 105,740 คน ตามลำดับ
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะร้านอาหารที่จะมีผู้ใช้บริการมากขึ้น รวมทั้งธุรกิจของ บมจ.วาว แฟคเตอร์ (W)
ซึ่งปัจจุบัน W ดำเนินธุรกิจด้าน Food and Beverage โดยมีหลากหลายแบรนด์ในเครือนอกจาก Kagonoya แล้วยังมี Le Beouf : Steakhouse สไตล์ฝรั่งเศส ที่มีจุดเด่นเป็น Signature ซอส Café De Paris ที่จำหน่ายที่แรกในไทย, BAKE WORKS : ร้านที่รวมแบรนด์ขนมดังส่งตรงจากญี่ปุ่น Bake cheese tart ชีสทาร์ตจากฮอกไกโด, Rapl พายแอปเปิ้ลจากอาโอโมริและครีมคัสตาร์ด นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังมีแผนขยายสาขาร้านอาหาร และแบรนด์น้องใหม่เครืออย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวเข้าสู่ผู้นำของตลาด Food and Beverage ต่อไป
ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ W “ธนวัฒน์ เอื้อศิริพันธ์” ระบุ ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมด 16 สาขา และตั้งเป้าหมายปี 2567 จะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 20 สาขา เพื่อขยายฐานลูกค้าไปตามโซนใหม่ ทั้งในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล