เตือนคนใช้ iPhone ต้องอ่านวิธีตั้งค่าเพื่อป้องกัน ‘แอพดูดเงิน’ จากลิงค์อันตราย
เตือนคนใช้ iPhone ต้องอ่านวิธีตั้งค่าเพื่อป้องกัน ‘แอพพ์ดูดเงิน’ จากลิงค์อันตราย
เมื่อวันที่ 29 มกราคม พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า วิธีการตั้งค่าเพื่อปกป้อง iPhone จากลิงค์อันตราย และแอพพ์ดูดเงิน ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ 2 ขั้นตอน ดังนี้ 1.อัพเดตiOS เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด 2.กดไปที่เมนูการตั้งค่า (Setting) เลือกเมนูย่อย ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย (Privacy & Security) แล้วเปิดใช้โหมดล็อคดาวน์ (Lockdown Mode) เมื่อเปิดการใช้งานโหมดล็อคดาวน์แล้ว อาจจะไม่สามารถใช้งานคุณสมบัติของแอพพ์ บางส่วนได้
เช่น ไม่ปรากฎภาพพรีวิวจากลิงค์ต่างๆ หรือผู้ที่ไม่เคยติดต่อกันมาก่อน จะไม่สามารถใช้ FaceTime ติดต่อหาท่านได้ แต่การเปิดล็อกดาวน์โหมดจะช่วยให้ท่านปลอดภัยจากการเผลอไปกดลิงก์อันตราย, Spyware หรือ ถูกหลอกให้ติดตั้ง Configuration Profiles ซึ่งจะทำให้คนร้ายสามารถเข้าไปควบคุม iPhone ของท่านจากระยะไกลได้ ดังนั้น ท่านต้องตัดสินใจว่าจะเลือกความสะดวกในการใช้งาน หรือเลือกความปลอดภัย
นอกจากนี้ ท่านยังสามารถปิดการใช้งานโหมดล็อกดาวน์ชั่วคราว เพื่อให้สามารถใช้งานคุณสมบัติบางส่วนของแอพพ์ต่างๆ ได้ แล้วค่อยกลับมาเปิดใช้งานโหมดล็อกดาวน์ในภายหลังได้เช่นกัน
“ภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนักให้ระวังมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคดีมากกว่า 400,000 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกันมากกว่า 54,000 ล้านบาท” พล.ต.ต.นิเวศน์กล่าว
พล.ต.ต.นิเวศน์กล่าวว่า โดยมีการหลอกลวงสารพัดรูปแบบ ได้แก่ 1.หลอกให้กู้เงิน หลอกให้ซื้อของ หรือ หลอกให้จองที่พักผ่านทางออนไลน์ โดยใช้เพจเฟซบุ๊กปลอม เลียนแบบเพจของจริง (เป็นคดีอันดับที่ 1 มีผู้แจ้งความผ่านระบบออนไลน์มากที่สุด) 2.หลอกให้รัก แล้วชักชวนให้ทำภารกิจ หรือหลอกให้ลงทุนในแอพพ์ ของปลอม ซึ่งได้ผลตอบแทนสูงมาก จนทำให้เกิดความโลภ โดยในระยะแรกอาจถอนเงินออกมาได้บางส่วน แต่ถ้าจะถอนเอาผลตอบแทนออกมาทั้งหมด จะต้องโอนเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ครบตามเงื่อนไข เช่น กรณีปลอมเพจบริษัท หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยหลอกชักชวนให้ร่วมลงทุนต่างๆ (เป็นคดีที่มีความเสียหายมากที่สุด)
3.ส่ง SMS หรือ โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวง เนื่องจากคนร้ายรู้ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนและสามารถปลอมเบอร์โทรศัพท์ได้ จึงทำให้คนส่วนใหญ่หลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ และใช้กลอุบายหลอกลวง เช่น อ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ โดยหลอกว่า…“ท่านได้รับสิทธิ์เงินค่าไฟฟ้าคืน หรือให้ลงทะเบียนเพื่อเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าระบบดิจิทัลฟรี“
อ้างเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุฯ โดยหลอกว่า…”มีพัสดุส่งถึงท่าน แต่ได้รับความเสียหาย ทางบริษัทยินดีจะชดใช้เงินค่าเสียหายคืนให้ “..
อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ กรมบัญชีกลาง หรือ กบข. โดยหลอกว่า…” ท่านมีสิทธิได้รับเงินบำนาญเพิ่มเติม “..
อ้างตัวเป็นกรมสรรพากร โดยหลอกว่า…” ท่านมีสิทธิได้รับเงินภาษีคืน หรือหลอกให้ชำระภาษีที่ค้างอยู่โดยเร็ว ”..
อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ กสทช. หรือธนาคาร โดยหลอกว่า…“เงินในบัญชีธนาคารของท่านไปพัวพันกับการกระทำความผิด ต้องโอนเงินไปตรวจสอบความบริสุทธิ์
พล.ต.ต.นิเวศน์กล่าวว่า หลังจากเหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ แล้ว คนร้ายจะหลอกให้เพิ่มเป็นเพื่อนในไลน์ของหน่วยงานปลอม แล้วหลอกให้กดลิงก์เพื่อติดตั้งแอพพ์ดูดเงิน จากเว็บไซต์ปลอม ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันภัยออนไลน์ โปรดจำไว้ว่าหากเป็นเจ้าหน้าที่จริงแล้ว จะไม่มีการขอให้เพิ่มเพื่อนในไลน์ และไม่มีการขอให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์
ส่วนการตรวจสอบสายเรียกเข้าว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่นั้น เบื้องต้นท่านสามารถตัดสายขณะกำลังพูดคุย เพื่อแกล้งทำสายหลุด แล้วทดลองโทรกลับทันที หากไม่มีผู้รับสาย หรือสายไม่ว่าง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะคนร้ายจะใช้อุปกรณ์ SIM Box ในการโทรผ่านอินเตอร์เน็ตเพื่อให้สามารถปลอมเบอร์โทรศัพท์ได้ จึงไม่มีช่องทางในการรับสายได้
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการหลอกลวงจากภัยออนไลน์ …ก่อนที่จะโอนเงินในการซื้อของออนไลน์, ให้ยืมเงิน, กู้เงิน, สมัครทำภารกิจ หรือร่วมลงทุนในทุกกรณี …ท่านควรจะต้องขอเบอร์โทรศัพท์ และสามารถโทรติดต่อไปคุยด้วยก่อนตัดสินใจโอนเงินให้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้ามลงทุนตามโฆษณา หรือคำชักชวนของบุคคลที่รู้จักในโลกออนไลน์โดยเด็ดขาด
”เพื่อความปลอดภัยของท่านอย่ากดลิงก์ อย่าแอดไลน์ อย่าติดตั้งแอพพ์ อย่าเชื่อ หรือคลิกลิงก์โฆษณาบนสื่อสังคมออนไลน์“ พล.ต.ต.นิเวศน์กล่าว
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา หรือแจ้งความคดีออนไลน์ผ่านทางโทรศัพท์กรุณาติดต่อ ตำรวจไซเบอร์ได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หากกรณีถูกหลอกให้โอนเงินและยังไม่สามารถติดต่อสายด่วน 1441 ได้ให้รีบโทรศัพท์แจ้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารผ่านทางสายด่วนของธนาคารต้นทางที่ท่านใช้ในการโอนเงินก่อนได้ทันทีด้วยเช่นกัน โดยท่านสามารถค้นหาสายด่วนของทุกธนาคาร และแจ้งความคดีออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.ThaiPoliceOnline.go.th เท่านั้น
ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_4399254