จิปาถะ

เบื้องหลัง ก.ล.ต.ห้าม "นักลงทุนไทย" ซื้อขายหุ้นผ่าน NVDR หวั่นทุจริตปกปิดถือหุ้น


30 มกราคม 2567

เบื้องหลัง.jpg

ก.ล.ต.เตรียมปรับเกณฑ์ห้าม"ผู้ลงทุนไทย"ซื้อขายหุ้นผ่าน NVDR โดยห้ามบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ให้บริการใดๆ ที่จะทำให้ผู้ลงทุนไทยมีหลักทรัพย์ NVDR เพิ่มขึ้น โดยเปิดรับความคิดเห็น(เฮียริ่ง) ถึง 6 ก.พ.2567 

เป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุนไทยใช้ช่องทาง NVDR เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ อาทิ ปกปิดรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ ปกปิดการถือหุ้น จนอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ถูกต้องและเพียงพอ 

เปิดแนวโน้มนักลงทุนไทยซื้อขายหุ้นผ่าน NVDR ขยับสูงขึ้นทุกปี ล่าสุดปี 66  มีจำนวน  30,397 ราย สูงกว่าผู้ลงทุนต่างชาติถึง 18,966 ราย และในช่วง 4 ปี ( 2563-2566 ) จำนวนผู้ลงทุนไทยใน NVDR เพิ่มขึ้นถึง 222% หรือ 3 เท่าตัว

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้บริการทำธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์ NVDR ของบริษัทหลักทรัพย์  โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงทุนไทยใช้หลักทรัพย์ NVDR เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเพื่อคงเจตนารมณ์ในการสนับสนุนให้ผู้ลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในตลาดทุนไทยโดยไม่ติด Foreign Limit

ก.ล.ต. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน  ในการประชุมครั้งที่ 11/2566 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ระบุว่า เจตนารมณ์ของการมีหลักทรัพย์ประเภท"ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย" หรือ Non-Voting Depositary Receipt :NVDR คือ เพื่อสนับสนุนการลงทุนของผู้ลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย โดยไม่ติดข้อจำกัดเรื่องการถือครองหลักทรัพย์ของคนต่างด้าว (Foreign Limit) t โดยที่ผู้ลงทุนยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงิน เช่น เงินปันผล เป็นต้น แต่จะไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมของบริษัท (Non-Voting Rights) 

4 ปี นักลงทุนไทยถือครองหุ้นผ่าน NVDR พุ่งกว่า 3 เท่าตัว  

อย่างไรก็ดีจากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าผู้ลงทุนที่มีสัญชาติไทย(“ผู้ลงทุนไทย”) มีความสนใจลงทุนในหลักทรัพย์ NVDR มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลการถือครองหลักทรัพย์ NVDR พบว่าในปี 2566 (ข้อมูล ณ สิ้นก.ย.66 ) มีผู้ลงทุนไทยถือครองหลักทรัพย์ NVDR จำนวน 30,397 ราย ซึ่งสัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์ NVDR ของผู้ลงทุนไทย มีจำนวนสูงกว่าผู้ลงทุนต่างชาติถึง 18,966 รายในช่วงเวลาเดียวกัน และมีแนวโน้มขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ลงทุนไทยผ่าน NVDR เพิ่มขึ้น 222% หรือ 3.2 เท่าตัว  ( 2563-2566 ) จาก 9,430 ราย ,22,935 ราย, 29,366 ราย และ 30,397 ราย ในปี 2563, 2564, 2565 และปี 2566 ตามลำดับ โดยจำนวนได้แซงหน้าผู้ลงทุนต่างชาติตั้งแต่ปี 2564 ปัจจุบันมีจำนวนสูงกว่าเกือบ 3 เท่าตัว  

ดังนั้น ก.ล.ต จึงมีแนวคิดในการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้บริการทำธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์ NVDR ของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อให้ยังคงเจตนารมณ์ของหลักทรัพย์ NVDR ซึ่งสนับสนุนการลงทุนของผู้ลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงทุนไทยสามารถใช้หลักทรัพย์ NVDR เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักเกณฑ์การรายงานการได้มา หรือจำหน่ายหลักทรัพย์ เป็นต้น หรือปกปิดข้อมูลการถือหุ้นซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในตลาดทุน หรือทำให้ผู้ลงทุนขาดข้อมูลที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน

ปรับหลักเกณฑ์การให้บริการ NVDR ของบริษัทหลักทรัพย์ 

ก.ล.ต.จึงเห็นควรให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการให้บริการทำธุรกรรม NVDR ของบริษัทหลักทรัพย์ และเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง สาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้

(1) ห้ามบริษัทหลักทรัพย์รับคำสั่งซื้อ รับโอน หรือแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่มีผลทำให้ผู้ลงทุนไทยมีหลักทรัพย์ NVDR เพิ่มขึ้น

(2) ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์มีลูกค้าเป็นบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ ให้บริษัทหลักทรัพย์ดำเนินการดังนี้

-แจ้งบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ ไม่ให้รับคำสั่งซื้อ รับโอน หรือแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ ที่มีผลทำให้ผู้ลงทุนไทยมีหลักทรัพย์ NVDR เพิ่มขึ้น 
-แจ้งให้บริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศเปิดเผยข้อมูลลูกค้าในธุรกรรมเกี่ยวกับ NVDR เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์ทราบเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของลูกค้าและผู้รับประโยชน์ จากการทำธุรกรรมเกี่ยวกับ NVDR ที่มีสัญชาติไทย

พร้อมให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ดำเนินการดังต่อไปนี้

1.แจ้งผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎหมายต่างประเทศถึงข้อจำกัดการให้บริการ (ตามที่ได้กล่าวข้างต้น )
2.ดำเนินการให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎหมายต่างประเทศเปิดเผยข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของผู้รับประโยชน์ทุกรายทุกทอดให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ทราบทุกครั้งที่มีการใช้บริการดังกล่าว

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. โดยเปิดให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถศึกษาและแสดงความคิดเห็นได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. หรือทาง e-mail : gritchanut@sec.or.th laksika@sec.or.th หรือ anudporn@sec.or.th จนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567

ประกาศดังกล่าว ฯ จะมีผลใช้บังคับถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ที่มา : https://www.thansettakij.com/finance/stockmarket/587148