จิปาถะ

ปิดดีลซื้อขายโรงแรมไทยคึกคัก ทะลุ 1.8 หมื่นล้าน 6 เมืองท่องเที่ยวเนื้อหอม


01 กุมภาพันธ์ 2567

ปิดดีลขายโรงแรมไทย มูลค่าทะลุ 1.8 หมื่นล้านบาท บิ๊กทุนไทย-เทศช้อนซื้อคึกคัก โลเคชั่น 6 เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตเนื้อหอม

ปิดดีลซื้อขายโรงแรมไทยคึกคัก 6 เมืองท่องเ.jpg

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ยังคงคึกคักด้วยมูลการซื้อขายรวมกว่า 16,795 ล้านบาท ด้วยจำนวนห้องพักกว่า 1,550 ห้อง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพ ภูเก็ต สมุย พัทยา กระบี่ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้ปีที่ผ่านมามีปิดดีลซื้อขายโรงแรมในไทยคึกคัก ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ ที่ยังสนใจเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง หลังท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนมองหาโรงแรมราคาที่เหมาะสม รองรับนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างชาติโดยเฉพาะจากอินเดีย มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ รัสเซีย และคาดว่าในปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวน่าอยู่ที่ 31 ล้านคน

การซื้อขายโรงแรมในไทยช่วง 10 ปีนี้ มีมูลค่ารวมถึง 120,904 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 12,090 ล้านบาท เฉพาะปี 2560-2561 มูลค่าสูงถึงปีละกว่า 20,000 ล้านบาท เพราะเป็นช่วงนักท่องเที่ยวต่างชาติโตก้าวกระโดด ทำให้นักลงทุนไทย ต่างชาติ สนใจเข้าซื้อโรงแรมในไทยมาก ในกรุงเทพ ภูเก็ต สมุย พัทยา กระบี่ เชียงใหม่

สำหรับปี 2566 มีซื้อขายกว่า 16,795 ล้านบาท ยังมีโรงแรมอยู่ระหว่างเจรจาซื้อขายอีกมาก ล่าสุดเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีทุนต่างชาติปิดดีลซื้อโรงแรมที่หาดราไวย์ ภูเก็ตอีก 1,660 ล้านบาท เมื่อรวมกับปี 2566 อยู่ที่ 18,455 ล้านบาท นายภัทรชัยกล่าว

สำหรับปี 2567 คาดมีมูลค่าซื้อขายโรงแรมประมาณ 15,000 ล้านบาท เนื่องจากตลาดโรงแรมไทยยังได้รับความสนใจสูงจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ มีปิดดีลซื้อขายโรงแรมกันอย่างคึกคักและยังมองหาโรงแรมที่ราคาเหมาะแก่การลงทุนบนทำเลศักยภาพ

โดยยังคงเป็นพื้นที่กรุงเทพ ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ เพื่อนำมาปรับปรุงและเปิดบริการอีกครั้งในอนาคต โดยความต้องการซื้อโรงแรมของนักลงทุนไทยและต่างชาติ ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะหลังโควิด มีผู้ประกอบการหลายรายเลือกจะนำโรงแรมออกมาเสนอขายกันมากขึ้น ทั้งกรุงเทพและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ

ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนที่มีความพร้อมและสนใจเข้าซื้อกิจการ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และอาจซื้อโรงแรมได้ในราคาที่ดี แม้ปี 2566 หลายโรงแรมที่เคยประกาศขาย มีปรับราคาขายสูงขึ้นตามภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางปัจจัยลบที่เข้ามากระทบภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ในหลายประเทศทั่วโลก ยังคงมองประเทศไทย เป็นพื้นที่ปลอดภัยหรือเซฟโซนและยังคงน่าท่องเที่ยว จึงทำให้โรงแรมไทยยังเนื้อหอมสำหรับนักลงทุน

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/tourism/587372