บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (“บริษัท”) ใคร่ขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2567ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์2567ได้มีมติอนุมัติการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของ อบต.เมืองคง จังหวัดนครราชสีมา กําลังการผลิตติดตั้ง 9.9 MW โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 2,289.6 ล้านบาท บริษัทเข้าลงทุนในสัดส่วนไม่ตํ่ากว่าร้อยละ 80ของมูลค่าการลงทุนรวม และเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของเทศบาลตําบลบ้านส้อง จังหวัดสุราษฎร์ธานี กําลังการผลิตติดตั้ง 9.9 MW โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 2,283.4 ล้านบาท บริษัทเข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 51ของมูลค่าการลงทุนรวม
ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าทํารายการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทํารายการที่มีนัยสําคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 (และที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2547 (และที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศรายการได้มาหรือ
จําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์”) ซึ่งเมื่อพิจารณาขนาดของรายการดังกล่าวด้วยวิธีการคํานวณตามเกณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้ประกาศรายการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์แล้ว พบว่าการเข้าทํารายการดังกล่าวมีขนาดของรายการสูงสุดเท่ากับร้อยละ 13.72 ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน โดยคํานวณจากงบการเงินของบริษัท สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน2566ซึ่งผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีของบริษัท ทั้งนี้เมื่อนํารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทที่เกิดขึ้นในระหว่าง6 เดือนก่อนเข้าทํารายการในครั้งนี้ที่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น มาคํานวณรวมกับการเข้าทํารายการในครั้งนี้มูลค่ารายการได้มาซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทมีขนาดรายการรวมเท่ากับร้อยละ 13.95 ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน ซึ่งตํ่ากว่าร้อยละ 15 ดังนั้น ธุรกรรมการเข้าทํารายการดังกล่าวจึงเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตํ่ากว่าร้อยละ15 ตามที่กําหนดในประกาศรายการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ บริษัท จึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดทํารายงานและเปิดเผยข้อมูลการเข้าทํารายการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และไม่ต้องขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ดี บริษัทเห็นสมควรให้เปิดเผยรายการดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี และเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าทํารายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นการเข้าทํารายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ตามนัยของประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทํารายการที่เกี่ยวโยงกัน (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546(รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม)
ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าทํารายการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทํารายการที่มีนัยสําคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 (และที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2547 (และที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศรายการได้มาหรือ
จําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์”) ซึ่งเมื่อพิจารณาขนาดของรายการดังกล่าวด้วยวิธีการคํานวณตามเกณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้ประกาศรายการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์แล้ว พบว่าการเข้าทํารายการดังกล่าวมีขนาดของรายการสูงสุดเท่ากับร้อยละ 13.72 ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน โดยคํานวณจากงบการเงินของบริษัท สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน2566ซึ่งผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีของบริษัท ทั้งนี้เมื่อนํารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทที่เกิดขึ้นในระหว่าง6 เดือนก่อนเข้าทํารายการในครั้งนี้ที่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น มาคํานวณรวมกับการเข้าทํารายการในครั้งนี้มูลค่ารายการได้มาซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทมีขนาดรายการรวมเท่ากับร้อยละ 13.95 ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน ซึ่งตํ่ากว่าร้อยละ 15 ดังนั้น ธุรกรรมการเข้าทํารายการดังกล่าวจึงเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตํ่ากว่าร้อยละ15 ตามที่กําหนดในประกาศรายการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ บริษัท จึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดทํารายงานและเปิดเผยข้อมูลการเข้าทํารายการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และไม่ต้องขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ดี บริษัทเห็นสมควรให้เปิดเผยรายการดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี และเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าทํารายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นการเข้าทํารายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ตามนัยของประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทํารายการที่เกี่ยวโยงกัน (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546(รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม)