เรื่องเด่นวันนี้
TPLAS ผ่านจุดต่ำสุด ปักหมุดปี 67 รายได้โต 10% เล็งบุกตลาด CLMV อัพยอดขาย
06 กุมภาพันธ์ 2567
บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) ลั่นผลงานผ่านจุดต่ำสุด เปิดกลยุทธ์ปี 67 ดันรายได้เติบโต 10% เน้นธุรกิจหลัก Food Packaging รองรับดีมานด์ร้านค้าออนไลน์-เดลิเวอรี่คึกคักต่อเนื่อง ประเมินต้นทุนวัตถุดิบสถานการณ์ผันผวนน้อยลง เสริมทัพทีมการตลาด-ฝ่ายขาย พร้อมเดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศกลุ่ม CLMV กระตุ้นยอดขาย คาดสรุปความชัดเจนได้ครึ่งปีหลัง
![ข่าวลูกค้า TPLAS ผ่านจุดต่ำสุด ปักหมุดปี 67 ราย.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2024/February/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%20TPLAS%20%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%20%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%B5%2067%20%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2.jpg)
นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) (TPLAS) เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% ผ่านการเพิ่มสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร (Food Packaging) มากขึ้น แต่ยังคงเป็นพลาสติกและกระดาษ เจาะกลุ่มลูกค้าที่เปิดร้านออนไลน์ ไม่มีหน้าร้าน เดลิเวอรี่ สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีการซื้อสินค้าหรืออาหารผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
“กลยุทธ์ในปีนี้ เราให้ความสำคัญกับการเพิ่มยอดขายสินค้าภายในประเทศ ผ่านการทำแคมเปญการตลาด และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น เพิ่มกลุ่มสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าร้านอาหารมากขึ้น ควบคู่ไปกับการศึกษาและเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดต่างประเทศ คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้”
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้มีการขยายทีมมาร์เก็ตติ้ง ทีมขาย เพื่อรองรับการทำการตลาดและกระตุ้นยอดขาย ทั้งในและต่างประเทศ ตามแผนงานที่วางไว้ อีกทั้งยังอยู่ในระหว่างการศึกษาการแตกไลน์ธุรกิจ เพื่อสร้าง New S-Curve สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
“ในปีนี้คาดว่าการแข่งขันด้านราคามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากโครงสร้างตลาดและจำนวนผู้เล่นในตลาดมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สงคราม ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต”
ขณะเดียวกันในปีนี้คาดว่าจะมีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งจากเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบ และราคาน้ำมัน ที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงงาน กระทบกับบริษัทฯเล็กน้อย เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่าแรงสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดอยู่แล้ว
![ข่าวลูกค้า TPLAS ผ่านจุดต่ำสุด ปักหมุดปี 67 ราย.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2024/February/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%20TPLAS%20%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%20%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%B5%2067%20%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2.jpg)
นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) (TPLAS) เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% ผ่านการเพิ่มสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร (Food Packaging) มากขึ้น แต่ยังคงเป็นพลาสติกและกระดาษ เจาะกลุ่มลูกค้าที่เปิดร้านออนไลน์ ไม่มีหน้าร้าน เดลิเวอรี่ สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีการซื้อสินค้าหรืออาหารผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
“กลยุทธ์ในปีนี้ เราให้ความสำคัญกับการเพิ่มยอดขายสินค้าภายในประเทศ ผ่านการทำแคมเปญการตลาด และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น เพิ่มกลุ่มสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าร้านอาหารมากขึ้น ควบคู่ไปกับการศึกษาและเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดต่างประเทศ คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้”
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้มีการขยายทีมมาร์เก็ตติ้ง ทีมขาย เพื่อรองรับการทำการตลาดและกระตุ้นยอดขาย ทั้งในและต่างประเทศ ตามแผนงานที่วางไว้ อีกทั้งยังอยู่ในระหว่างการศึกษาการแตกไลน์ธุรกิจ เพื่อสร้าง New S-Curve สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
“ในปีนี้คาดว่าการแข่งขันด้านราคามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากโครงสร้างตลาดและจำนวนผู้เล่นในตลาดมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สงคราม ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต”
ขณะเดียวกันในปีนี้คาดว่าจะมีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งจากเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบ และราคาน้ำมัน ที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงงาน กระทบกับบริษัทฯเล็กน้อย เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่าแรงสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดอยู่แล้ว